วันที่ 4 ธันวาคม 2561 ในการประชุมนิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ซึ่งทางคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ ให้สถาบันการเงินต้องรายงานข้อมูลของบุคคล และนิติบุคคล ที่มีความเคลื่อนไหวทางบัญชีในการทำธุรกรรม ดังนี้
– ฝาก หรือรับโอนเงินทุกบัญชี เดิน 3,000 ครั้งต่อปี
– ฝากและรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 200 ครั้ง และยอดเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไปต่อปี
ส่งให้กรมสรรพากรตรวจสอบเพื่อประโยชน์ในการเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สนช. หลายคนได้ลุกขึ้นอภิปรายท้วงติง ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ยังขาดหลักเกณฑ์ รายละเอียดที่ชัดเจน ที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่ได้เป็นผู้ค้าขายออนไลน์ แต่มีการทำธุรกรรมหลายครั้ง และนอกจากนี้ ยังบอกอีกด้วยว่า สนช. ทั้ง 240 คน ได้รับเงินและค่าเบี้ยประชุมผ่านการโอนเงินกว่า 200 ครั้ง ใน 1 ปี ซึ่งอาจทำให้ สนช. ถูกเหมารวมมาทั้งหมด ซึ่งที่จริงแล้วควรจะเล็งเป้าไปที่ผู้ไม่เสียภาษีขายออนไลน์ให้มากกว่านี้
อย่างไรก็ดี การประชุมดังกล่าวมีการถกเถียงกันอย่างหนักจนต้องมีการพักการประชุม 1 ชั่วโมง เพื่อหารือนอกรอบจนกว่าจะได้ข้อยุติ กระทั่งกลับมาประชุมอีกครั้ง ทางกรรมาธิการฯ ยอมแก้ไขเนื้อหาในมาตรา 3 เรื่องการให้สถาบันการเงินรายงาน
– ทำธุรกรรมฝากและรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 200 ครั้งต่อปี และมียอดรวมเงิน 2 ล้านบาทขึ้นไป
– โดยแก้ไขเป็น รายงานการทำธุรกรรมฝากและรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 400 ครั้งต่อปี และมียอดรวมเงิน 2 ล้านบาทขึ้นไปแทน
ทำให้ที่ประชุม สนช. พอใจ ก่อนที่ประชุมสนช.จะลงมติในวาระที่ 3 เห็นสมควรประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเป็นกฎหมายด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 139 เสียง ไม่เห็นด้วย-ไม่มี และงดออกเสียง 7 เสียง
การปรับจำนวนการทำธุรกรรมฝากและรับโอนเงิน มากขึ้นนั้นทำให้เป้าหมายในการตรวจสอบได้ถูกจุดมากขึ้น และ ลดผลกระทบต่อ คนที่ไม่ได้ทำการค้าขายออนไลน์ด้วย
นอกจากนั้น ร่างฉบับนี้ยังบอกอีกว่า จำนวนครั้งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง “เพิ่มขึ้น” ได้โดยกฎกระทรวง ซึ่งแปลว่าอนาคตอาจจะมีการปรับเพิ่มได้อีก
แล้วถ้ากฎหมายนี้บังคับใช้จริงเราควรเตรียมตัวอย่างไร
-ควรทำบัญชีสรุปรายรับรายจ่าย เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงตอนยื่นภาษี
-ควรจัดการจัดเก็บเอกสารหลักฐานไว้ให้ดี
-ควรยื่นภาษีให้ตรงเวลา จะได้ไม่มีปัญหากับ สรรพากร
สรุปแล้ว นี้ยังคงเป็นแค่ร่างกฎหมายที่ยังไม่ได้บังคับใช้จริง แต่อย่างไรก็ตามเราควรเตรียมตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
จากข่าวที่ออกมาเรื่อยๆอนาคตคงได้เห็นกฎหมายเกี่ยวกับ ภาษีขายออนไลน์ ที่เข้มข้นกว่านี้แน่นอน
แม้ภาษีขายออนไลน์จะมาใหม่เรื่อย ๆ แต่อย่าลืมว่าการขายออนไลน์จะต้องจดบันทึกบัญชีเหมือนกัน แต่จะดีกว่าไหม ถ้าการทำบัญชีเป็นเรื่อยง่ายโดยการใช้โปรแกรมบัญชี SMEMOVE ที่ดูงบการเงินได้แบบ REAL-TIME และบันทึกบัญชีได้อัตโนมัติ จะทำให้ภาระนักขายของออนไลน์หมดไป
ทดลองใช้ฟรีได้ที่ : SMEMOVE
คู่มือการใช้งาน : HELP
ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่
บทความบัญชี: smemove.com/blog
Facebook: Facebook.com/smemove.th
Youtube: SMEMOVE