กองทุน Thai ESG พร้อมสิทธิลดหย่อนภาษี 2567 สูงสุด 300,000 บาท

กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือที่เรียกกันว่า “Thai ESG” ถือว่าเป็นหนึ่งในกองทุนที่ให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ลงทุน ให้สามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในปี 2567 นี้ได้ และในปีนี้ก็มีการปรับเงื่อนไขใหม่ เมื่อเลือกลงทุนกับกองทุน Thai ESG เพราะฉะนั้น มาทำความรู้จักกับกองทุนชนิดนี้ให้มากขึ้น ว่าคืออะไร แล้วเป็นกองทุนที่ลงทุนเกี่ยวกับอะไรบ้าง ที่สำคัญคือ SMEMOVE จะมาแนะนำกองทุน TESG ว่ากองไหนดีบ้าง ผลประกอบการเป็นอย่างไร เหมาะที่จะลงทุนในระยะยาวหรือไม่ พร้อมสิทธิลดหย่อนภาษี 2567 นี้!

กองทุน Thai ESG คืออะไร?

คำว่า Thai ESG หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ย่อมาจากคำว่า Thailand ESG Fund: Thai ESG (TESG) โดยเป็นกองทุนที่ให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ลงทุน สำหรับการนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เหมือนกับการลงทุนในกองทุน SSF, RMF, LTF และ SSFX รวมถึงกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ที่สามารถนำไป ลดหย่อนภาษี 2567 ได้

แต่ข้อดีของกองทุน Thai ESG นั้น จะมุ่งเน้นการลงทุนกับกลุ่มหุ้น ESG หรือ ตราสารหนี้ ที่มีความยั่งยืน (ESG Bond) โดยจะยึดการลงทุนกับหุ้นหรือตราสารหนี้ ที่มีหลักการดำเนินกิจการตามหลักการของ ESG ที่ประกอบไปด้วย สิ่งแวดล้อม (Environmental), สังคม (Social) และ บรรษัทภิบาล (Governance)

การลงทุนในกองทุน Thai ESG ปี 2567

การลงทุนของกองทนุ Thai ESG ในปัจจุบันจะมุ่งเน้นการลงทุนกับกลุ่มหุ้นไทยยั่งยืน (SET ESG Rating) และกลุ่มตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน (ESG Bond) ซึ่งในปัจจุบันทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็ได้มีการจัดทำดัชนีหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating เพื่อใช้สำหรับการประเมินการดำเนินงานในด้านของ ESG โดยเฉพาะ ทำให้นักลงทุนสามารถเลือกสรรกองทุนที่มีความยั่งยืนและมั่นคงได้ง่ายมากขึ้น โดยในปัจจุบันนี้ จะแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่

• ระดับ AAA มีทั้งหมด 34 บริษัท
• ระดับ AA มีทั้งหมด 70 บริษัท
• ระดับ A มีทั้งหมด 64 บริษัท
• ระดับ BBB มีทั้งหมด 25 บริษัท

กองทุน Thai ESG ลงทุนในอะไรบ้าง สรุปให้ทั้ง 4 ระดับ

• หุ้นใน SETESG ที่มี Ratings สูงสุดในระดับ “AAA” หรือระดับดีเลิศ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และมีความน่าเชื่อถือสูง มีหลายกลุ่มที่น่าสนใจ อาทิ ADVANC, CPALL, KBANK, SCC, CRC, PTTGC, TISCO, THCOM, OR และ BANPU
• หุ้นใน SETESG ที่มี Ratings ในระดับ “AA” ที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต อาทิ IVL, AP, BCH, HMPRO, GPSC, PLANB, CPN และ BJC
• หุ้นใน SETESG ที่มี Ratings ในระดับ “A” ที่จะเติบโตได้ในอนาคต เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV อาทิ AH, AOT, ASW, AWC, CBG, CENTEL, CFRESH, CK, COM7, DEMCO และ DMT
• หุ้นใน SETESG ที่มี Ratings ในระดับ “BBB” ที่น่าลงทุนและมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว อาทิ CSC, GFPT, III, ILM, JTS, KEX, KKP, KSL และ PCSGH

ความแตกต่างระหว่างกองทุน Thai ESG – SSF – RMF ที่ควรรู้!

ในบรรดาการลงทุนกับกองทุนเพื่อการออมและการเกษียณ โดยเฉพาะหากเทียบระหว่าง Thai ESG กับ SSF และ RMF จะเห็นได้เลยว่า นอกจากการลดหย่อยภาษีที่สามารถใช้สิทธิในส่วนนี้ได้แล้ว ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่แตกต่างกันด้วย อาทิ

1. รูปแบบการลงทุน

• Thai ESG เน้นการลงทุนกับกลุ่มธุรกิจที่มุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืน
• SSF เป็นการออมระยะยาว
• RNF เน้นการออมเพื่อการเกษียณ

2. ระยะเวลาในการลงทุน ต้องถือกี่ปี

• Thai ESG ถือไม่น้อยกว่า 5 ปี นับจากวันที่ซื้อ หรือวันที่ลงทุน (ปรับเงื่อนไขใหม่จากเดิม 8 ปี)
• SSF ให้ถือลงทุน 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ โดยไม่บังคับว่าต้องซื้อทุกปี
• RMF จะต้องถือจนถึงอายุ 55 และครบ 5 ปี นับจากวันที่ซื้อ และต้องลงทุนต่อเนื่อง

3. ทรัพย์สินที่สามารถลงทุนได้

• Thai ESG สามารถลงทุนกับหุ้นไทย และตราสารหนี ที่เข้าหลักเกณฑ์ของ ESG
• SSF – RMF ลงทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ทั้งในไทยและต่างประเทศ

4. สิทธิลดหย่อนภาษี 2567

• Thai ESG ปรับเกณฑ์ใหม่ ลดหย่อนภาษี 2567 ได้ 30% สูงสุดรวมทั้งปีไม่เกิน 300,000 บาท (ไม่ต้องรวมกับกองทุนชนิดอื่น ๆ)
• SSF สามารถลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ทั้งปี ไม่เกิน 200,000 บาท และรวมกับกองทุนอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
• RMF สามารถลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนอื่น ๆ

กองทุนเพื่อความยั่งยืน TESG เหมาะกับใคร?

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน Thai ESG นั้น เป็นกองทุนที่เหมาะกับผู้ที่มีเป้าหมายการลงทุนในระยะยาว และเป็นผู้ที่มองเห็นโอกาสเติบโตในหุ้นยั่งยืน โดยเฉพาะธุรกิจที่ดำเนินงานตามหลักของ ESG ที่นอกจากจะให้ความสำคัญในการดำเนินงานแล้ว ยังให้ความสำคัญต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และคนในองค์กร ตามหลักบรรษัทภิบาล

นอกจากนี้ ยังตอบโจทย์กับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีที่มากขึ้น เช่น บางคนอาจจะลงทุนกับกองทุน RMF และ SSF อยู่แล้ว แต่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มอีก ก็สามารถเลือกซื้อกองทุน Thai ESG เพิ่มได้ เพราะสิทธิลดหย่อนจะไม่นับรวมกับกองทุนชนิดอื่น ๆ เหมาะกับผู้ที่มีฐานภาษีสูง และใช้สิทธิการลดหย่อนภาษีจากกองทุน SSF และ RMF เต็มแล้ว

อยากลงทุนกับกองทุน Thai ESG ควรเลือกกองไหนดี?

อย่างที่เราอธิบายไปในข้างต้นว่า นโยบายการลงทุนของกองทุน Thai ESG นั้น มีหลายระดับมาก ๆ และมีหลายหุ้นหรือหลายตราสารหนี้ที่น่าสนใจ แต่ทาง SMEMOVE จะมาแนะนำแบบง่าย ๆ กัน ว่ามีกองทุนไหนบ้างที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนกับกลุ่ม TESG เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี

หุ้นไทย K-TNZ-ThaiESG

กองทุนเปิดเค Target Net Zero หุ้นไทย ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน โดยเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้น ESG ในดัชนี SET100 ที่มีส่วนช่วยในการบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Target Net Zero) โดยมีระดับความเสี่ยงที่ระดับ 6 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2,371,362,901.64 บาท

ตราสารหนี้ K-ESGSI-ThaiESG

กองทุนเปิดเค ตราสารภาครัฐ ESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน โดยเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) หรือ พันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability – Linked Bond) มีระดับความเสี่ยงที่ระดับ 3 ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนกับกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น นักลงทุนมือใหม่

หุ้นไทย ASP-ThaiESG

โดยกองทุน ASP-ThaiESG จะเน้นการลงทุนในหุ้นจดทะเบียนใน SET และ/หรือ mai ที่ได้รับการคัดเลือกและยอมรับว่ามีความโดดเด่นด้าน ESG ในระดับ BBB ขึ้นไป ใช้กลยุทธ์การคัดเลือกหลักทรัพย์และการลงทุนแบบ Positive Screening โดยอยู่ภายใต้การบริหารของ บลจ.แอสเซท พลัส ที่โดดเด่นเรื่องการบริหารจัดการกองทุนหุ้นไทยให้มีผลการดำเนินงานในตลาดได้ในระยะยาว โดยความเสี่ยงอยู่ในระดับ 6

กองทุนผสม KTAG70/30-ThaiESG

เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นที่อยู่ในระดับ A ขึ้นไป ในสัดส่วน 70% และตราสารหนี้ประเภท Green Bond, Sustainability Bond และ Sustainability – Linked Bond ในสัดส่วน 30% โดยกลยุทธ์ในการลงทุนจะมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ทั้งในส่วนของตราสารหนี้และตราสารทุน มีระดับความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 5

กองทุน KTESGSI-ThaiESG

สำหรับกองทุน KTESGSI-ThaiESG เป็นกองทุนเปิดกรุงไทย ตราสารภาครัฐ ESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน ที่มีระดับความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 3 เรียกว่า เป็นระดับความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ โดยจะลงทุนกับกลุ่ม Green Bond, Sustainability Bond และ Sustainability – Linked Bond โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 30% ของ NAV โดยกองทุนนี้เป็นกองทุนน้องใหม่จาก บลจ.กรุงไทย ที่เพิ่งเปิดตัวมาเมื่อต้นเดือน ต.ค. 2567 ที่ผ่านมานี้เอง

สรุป

จะเห็นได้เลยว่า กองทุน Thai ESG หรือ TESG เป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่น่าสนใจมาก ๆ ในปีนี้ โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่พ่วงมาด้วย โดยผู้มีเงินได้สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 2567 ด้วยกองทุน Thai ESG ได้สูงสุด 30% ของเงินได้ และไม่เกิน 300,000 บาท! ยิ่งถ้ารวมกับกองทุนอื่น ๆ รวมถึงกลุ่มประกันสุขภาพและประกันชีวิต สามารถรับสิทธิลดหย่อนภาษีได้ถึง 900,000 บาท กันเลยทีเดียว

ทดลองใช้ฟรีได้ที่ : SMEMOVE

คู่มือการใช้งาน : HELP