Payment Gateway คืออะไร มีข้อดีอย่างไรต่อการทำธุรกิจในยุคนี้?

By posted on December 16, 2025 12:00AM
Payment Gateway คืออะไร มีข้อดีอย่างไรต่อการทำธุรกิจในยุคนี้?

ในบรรดาการทำธุรกรรมออนไลน์ สิ่งที่ผู้ประกอบการหลาย ๆ คนต้องเคยได้ยินก็คือ “Payment Gateway” ที่เป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญ ที่จะทำให้ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายในการชำระเงินได้มากขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน Payment Gateway ในไทยได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการหรือ SMEs ที่มีร้านค้าออนไลน์ เพราะฉะนั้น SMEMOVE จะพาคุณมาดูกันว่า Payment Gateway คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร แล้วมีกี่ประเภท?

Payment Gateway คืออะไร

Payment Gateway คืออะไร

Payment Gateway คือ ช่องทางชำระเงินหรือค่าบริการ ที่ลูกค้าสามารถชำระเงินให้กับผู้ให้บริการได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น บัตรเครดิต, เดบิต, PayPal และช่องทางออนไลน์อื่น ๆ เรียกง่าย ๆ ก็คือ Payment Gateway เปรียบเสมือนตัวกลางที่เชื่อมต่อระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ที่ทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Payment Processor) เรียกว่าเป็นบริการการชำระเงินที่ทันสมัย และสามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจ e-Commerce ได้ดีในยุคนี้

Payment Gateway มีกี่ประเภท?

สำหรับ Payment Gateway ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะมีหลายเจ้าที่ให้บริการ และมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรร แต่หากลองจำแนกประเภทของ Payment Gateway แล้ว สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ที่ให้บริการ ได้แก่

1. Payment Gateway แบบ Bank

หรือก็คือ Payment Gateway แบบธนาคาร ที่พัฒนาโดยธนาคารเอง ทำให้ร้านค้าสามารถเชื่อมต่อการบริการทางการเงินกับทางธนาคารโดยตรงได้ ทำให้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกมากกว่า และที่สำคัญคือ มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นบริการจากทางธนาคารโดยตรงนั่นเอง

บริการ Payment Gateway ของธนาคารในประเทศไทย

  • SCB Payment Gateway ของธนาคารไทยพาณิชย์
  • K – Payment Gateway ของธนาคารกสิกรไทย
  • Marchant iPay ของธนาคารกรุงเทพ
  • Krungsri Payment Gateway ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
  • UOB Payment Gateway ของธนาคารยูโอบี
  • GSB PAY ของธนาคารออมสิน

2. Payment Gateway แบบ Non – Bank

สำหรับ Payment Gateway ประเภท Nom – Bank หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Online Payment Gateway แปลตรงตัวเลยก็คือ ระบบการชำระเงินผ่านตัวกลางที่ไม่ใช่ธนาคาร แต่เป็นบริการของทาง FinTech หรือก็คือผู้พัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน ที่พัฒนาระบบเพื่อเป็นตัวกลางในการรับชำระเงินแทนร้านค้า

ข้อดีของ Payment Gateway ประเภท Non – Bank คือมีความสะดวก รวดเร็ว ไม่ซับซ้อน เหมาะกับบุคคลธรรมดาและธุรกิจขนาดเล็ก หรือกลุ่ม Startup เป็นหลัก เพราะเป็น Payment Gateway ราคาถูกกว่าประเภท Bank ซึ่งที่ในปัจจุบันนี้ก็มีผู้ให้บริการหลายเจ้าเช่นกัน

บริการ Payment Gateway แบบ Non – Bank ที่นิยมในไทย

  • PayPal
  • 2C2P
  • Alipay
  • GB Prime Pay
  • ChillPay
  • Pay Solutions
  • LwnPay
  • LianLian Pay
  • Omise (OPN)
  • ฯลฯ

ขั้นตอนการทำงานของ Payment Gateway

ขั้นตอนการทำงานของ Payment Gateway

  1. ลูกค้าเลือกชำระเงินผ่านทางเว็บไซต์ หรือผ่านทาง Application หลังจากนั้นระบบจะให้เลือกช่องทางชำระเงินที่ต้องการ เช่น บัตรเครดิต หรือ QR Code
  2. ข้อมูลการชำระเงินจะถูกส่งไปยัง Payment Gateway โดยระบบจะรวบรวมข้อมูลการทำรายการตามที่เลือกรูปแบบการชำเงิน เช่น หากชำระด้วยบัตรเครดิต ก็จะมีข้อมูลหมายเลขบัตร ชื่อ วันหมดอายุ จำนวนเงิน และการเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัย
  3. ระบบของ Payment Gateway จะส่งข้อมูลไปยังช้องทางที่ต้องการชำระเงิน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการทำธุรกรรม
  4. ธนาคารหรือบริการทางการเงินจะตอบกลับว่าอนุมัติหรือไม่ หากถูกต้องก็จะอนุมัติให้ทำรายการต่อ
  5. แจ้งผลการชำระเงินกับทางร้านค้าและลูกค้า โดยจะแสดงข้อความ “สำเร็จ” หรือ “ล้มเหลว”
  6. ร้านค้ารับยอดเงินเข้าบัญชีธนาคารตามรอบของผู้ให้บริการ Payment Gateway ส่วนมากใช้เวลาประมาณ 1 – 3 วันทำการ

ทำไมธุรกิจออนไลน์​ยุคใหม่ควรใช้ Payment Gateway

ทำไมธุรกิจออนไลน์​ยุคใหม่ควรใช้ Payment Gateway

1. ลูกค้ามีช่องทางชำระเงินที่หลากหลาย

การมีระบบการชำระเงินที่หลากหลาย โดยเฉพาะการนำเอา Payment Gateway มาใช้ในธุรกิจออนไลน์ ช่วยทำให้ลูกค้าสามารถชำระเงินได้หลายช่องทางมากขึ้น ช่วยทำให้ธุรกิจไม่เสียโอกาสในการขายหรือการให้บริการ เพราะในบางครั้งลูกค้าอาจไม่ได้สะดวกชำระเป็นเงินสดเสมอไป การที่มีรูปแบบการชำระเงินหลาย ๆ ทาง ก็จะทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกมากขึ้น เช่น สามารถใช้บัตรเครดิตแทนได้ หรือสแกน QR Code เพื่อชำระเงินจากบริการทางการเงินที่รองรับ เป็นต้น

2. มีความปลอดภัยสูง ป้องกันการโจรกรรมได้ดี

การใช้ Payment Gateway นอกจากจะมีความสะดวกในการใช้งานมากกว่าแล้ว ยังมีความปลอดภัยสูง เพราะโดยปกติแล้วจะมีมาตรฐาน PCI DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย อาทิ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA และส่วนมากแล้วจะมีการเข้ารหัสข้อมูลด้วยมาตรฐาน SSL (Secure Sockets Layer) ทำให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยต่อตัว User เอง

3. ไม่มีปัญหาเรื่องสลิปปลอม เพราะบันทึกแบบอัตโนมัติ

หนึ่งในปัญญาของธุรกิจที่รับชำระผ่านทางออนไลน์ที่มักเจอก็คือ ปัญหาการปลอมแปลงสลิปโอนเงิน ซึ่งการใช้ Payment Gateway จะไม่พบปัญหาการปลอมแปลงสลิป เพราะสามารถเช็กสถานะในการชำระเงินได้ และตัวระบบจะอัปเดตรายการชำระเงินให้อัตโนมัติ พร้อมกับแนบสลิปให้หากเป็นการโอนเงิน

4. เพิ่มโอกาสการขยายธุรกิจได้ดี และธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ

การทำธุรกิจในปัจจุบันนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ตลาดในไทยเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการยังสามารถขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศได้ด้วย โดยเฉพาะการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มีความสนใจต่อธุรกิจนั้น ๆ เพราะฉะนั้น การมีระบบที่รองรับการทำธุรกรรมที่หลากหลาย จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขยายธุรกิจแบบหน้ากว้าง เพราะนอกจากจะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้แล้ว ยังเพิ่มความน่าเชื่อถือได้เช่นกัน

5. จัดการบัญชีได้ง่าย เช็กยอดเข้า – ออก ได้ตลอดเวลา

สุดท้ายแล้วการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ ก็ย่อมมีประเด็นทางบัญชีและภาษีตามมาเสมอ เพราะฉะนั้น การใช้ Payment Gateway จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่จะทำให้จัดการบัญชีได้อย่างง่ายดาย ทั้งการตรวจสอบยอดเงินเข้า – ออก เพื่อทำบัญชีรายรับ – รายจ่าย ของบริษัททั้งหมด เวลาปิดงบการเงินหรือยื่นภาษีก็ดำเนินการได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

เลือก Payment Gateway เจ้าไหนดี ให้เหมาะกับธุรกิจ

เลือก Payment Gateway เจ้าไหนดี ให้เหมาะกับธุรกิจ?

สำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้บริการ Payment Gateway แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกเจ้าไหนดี ที่เหมาะกับธุรกิจของตนเอง สามารถเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการใช้ระบบ Hosted Payment Gateway ได้เลย เพราะเป็นระบบที่ผู้ดูแลการโฮสต์และการชำระเงินทั้งหมด ทำให้ร้านค้าไม่ต้องจัดการระบบเอง

หากลูกค้าทำรายการสั่งซื้อ ตัวระบบ Hosted Payment Gateway ก็จะพาไปยังหน้าเว็บไซต์เพื่อกรอกข้อมูลการชำระเงิน ซึ่งตัวระบบใช้งานค่อนข้างง่าย ไม่ต้องออกแบบหน้าชำระเงินเอง ทำให้ตอบโจทย์ธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นในโลกออนไลน์

แต่หากเป็นธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นมา เช่น ธุรกิจขนาดกลาง ที่มีฐานลูกค้าเดิมจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว ต้องการขยายธุรกิจหรือเพิ่มระบบการชำระเงินให้มากขึ้น ก็สามารถเลือกใช้ Payment Gateway ที่ใช้ระบบ Self – Hosted Payment Page หรือ Payment Gateway API ก็ได้เช่นกัน เพราะสามารถปรับแต่งได้ เพื่อให้เหมาะสมต่อลูกค้า เป็นต้น

ข้อดีของการเลือกใช้ Payment Gateway ในธุรกิจ

สรุป

จะเห็นได้เลยว่า การเลือกใช้ Payment Gateway ของธุรกิจยุคใหม่ มีข้อดีหลายอย่าง ทั้งเรื่องของความสะดวกสบายของลูกค้า ความปลอดภัยในการทำธุรกรรม และที่ขาดไม่ได้คือ การลดค่าใช้จ่ายในการจัดการเงินสด ทำให้จัดการบริหารการเงินและบัญชีได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน Payment Gateway ในไทยมีให้เลือกหลากหลายเจ้าที่มีมาตรฐาน ราคาถูก และใช้งานได้ครอบคลุม ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการจะเลือกใช้บริการ Payment Gateway เจ้าไหนดี ที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง

ทดลองใช้ฟรีได้ที่ : SMEMOVE

คู่มือการใช้งาน : HELP

ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่

บทความบัญชี: smemove.com/blog

Facebook: Facebook.com/smemove.th

Youtube: SMEMOVE