สุดยอดคู่มือการเลือกระบบ POS โปรแกรมช่วยขาย สำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่

By posted on July 30, 2020 11:16AM

ระบบ POS (Point of Sale System) หรือโปรแกรมช่วยขายหน้าร้านถือเป็นระบบที่ได้ถูกนำมาใช้งานกันหลาย 10 ปีแล้ว แต่ในช่วงแรกอาจไม่เป็นที่นิยมนักโดยเฉพาะในส่วนของร้านค้าเล็กๆ แต่ในปัจจุบันโปรแกรมช่วยขายอย่าง POS กลับเป็นสิ่งที่พบเจอได้แทบจะทุกร้านค้า หรือธุรกิจที่มีการเก็บเงิน  ดังนั้นในวันนี้ SMEMOVE จะพาทุกคนมาพบกับเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับการเลือกระบบ POS โปรแกรมช่วยขาย สำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่ แต่จะมีอะไรบ้างตามมาชมไปพร้อมกันเลยค่ะ

อ่านเพิ่มเติม: ระบบ POS คืออะไร สำคัญกับร้านค้าอย่างไร

ระบบ POS มีกี่ประเภท?

ถึงแม้ว่าระบบ POS ส่วนใหญ่มักจะถูกมองว่าเป็นโปรแกรมช่วยขายที่เหมือนๆ กันหมด แต่ในความเป็นจริงแล้วระบบ POS นั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ

1. โปรแกรมช่วยขายเก็บเงินหน้าร้านโดยเฉพาะ (POS) หากเป็นโปรแกรมในลักษณะนี้มักถูกออกแบบมาเพื่อขายสินค้าหน้าร้านโดยเฉพาะ และมักจะเป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่าย เน้นการขายที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับใช้งานในร้านค้าทั่วไปที่มีเจ้าของเพียงคนเดียว หรือมีนิติบุคคลที่ต้องจ้างบัญชีภายนอกทำบัญชีส่งสรรพากรอีกที

2. โปรแกรมบัญชี (Accounting Software) สำหรับโปรแกรมช่วยขาย (POS) ที่มาในรูปแบบโปรแกรมบัญชีมักจะมีรายละเอียดซับซ้อน เพราะเป็นโปรแกรมที่ทำงานตามหลักของโปรแกรมบัญชี ทำให้ใช้งานยาก และไม่เหมาะกับร้านค้าขนาดเล็ก แต่เหมาะกับการใช้งานในบริษัทห้างร้านที่มีการทำงานร่วมกันหลายแผนก แล้วฝ่ายบัญชีของบริษัทก็จะนำข้อมูลไปทำงบการเงินส่งให้สรรพากรอีกที เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการทำงาน

อ่านเพิ่มเติม: ประโยชน์ดีๆ ที่คุณจะได้รับเมื่อใช้ระบบ POS จาก โปรแกรมบัญชีออนไลน์ SMEMOVE

นอกจากนี้ก็ยังแบ่งโปรแกรมช่วยขายระบบ POS ก็ยังสามารถแยกย่อยออกมาได้อีกดังนี้

– โปรแกรมช่วยขายระบบ POS ร้านค้าปลีก เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดีๆ ที่เหมาะกับร้านค้า เพราะสามารถตอบสนองการใช้งานที่ครบครันได้ไม่ว่าจะเป็นการจัดการสต๊อกสินค้า, การติดตามยอดขาย, Loyalty Program สำหรับลูกค้า, แจ้งเตือนเมื่อสต๊อกเหลือน้อย ฯลฯ

– โปรแกรมช่วยขายระบบ POS ร้านอาหาร มาพร้อมฟังก์ชันที่ร้านอาหารต้องการไม่ว่าจะเป็นในส่วนของแผนผังโต๊ะที่นั่งในร้าน, การจัดออร์เดอร์, การจัดคิว, การจองโต๊ะของลูกค้า และการตัดสต๊อกวัตถุดิบ หรือสินค้าแบบแยกส่วน

– โปรแกรมช่วยขายระบบ POS มือถือ ระบบที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้สะดวกสบาย โดยการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนหรือแอพพลิเคชั่น นิยมเป็นอย่างมากในหมู่ร้านป๊อปอัพ ร้านที่ออกบูธในงานอีเว้นท์ และร้านค้าที่มีพื้นที่จำกัด

– โปรแกรมช่วยขายระบบ POS แท็บเล็ต iPad ระบบ POS ที่ออกแบบให้มีความทันสมัยมาพร้อมฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย เหมาะสำหรับร้านค้าขนาดเล็ก หรือธุรกิจรายย่อย

– โปรแกรมช่วยขายระบบ POS ขนาดเล็ก ที่มีขนาดกำลังดี เหมาะสำหรับการจ่ายชำระค่าสินค้า หรือบริการที่ใช้บัตร และร้านค้าปลีกที่มีลูกค้าเยอะ หรือร้านอาหารแบบฟูลเซอร์วิส (full-service) เน้นความรวดเร็วเป็นพิเศษ

– โปรแกรมช่วยขายระบบ POS แบบบริการตัวเอง จะเป็นระบบ POS ชนิดหนึ่งที่นิยมใช้ตามปั๊มน้ำมัน บริการจอดรถ และร้านค้าต่างๆ ที่ลูกค้าจ่ายเงินได้เองโดยไม่ต้องมีแคชเชียร์ในการคิดเงิน ทอนเงิน

ระบบ POS ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

หากคุณกำลังศึกษา หรือมองหาโปรแกรมช่วยขาย อย่างระบบ POS คุณก็คงจะกำลังศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับส่วนประกอบของระบบ POS อยู่เป็นแน่ว่าหากคุณเริ่มใช้งานระบบ POS แล้วคุณจำเป็นจะต้องมีส่วนประกอบอะไรเพิ่มเติมเพื่อให้การใช้งานออกมาสมบูรณ์แบบ และมีประสิทธิภาพ ที่จะทำให้การคิดเงินกับลูกค้าเมื่อเกิดการขายสินค้า หรือบริการเป็นไปด้วยความคล่องตัว ทั้งยังทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ในการช้อปปิ้งที่รวดเร็ว และดีกว่าเดิมด้วย โดยส่วนประกอบของตัวระบบนี้ก็มี 2 ส่วนหลัก ๆ คือ

1. ตัวโปรแกรมช่วยขาย หรือซอฟต์แวร์ของระบบ POS ที่มีหน้าที่ในการคิดเงินเก็บข้อมูลการขาย ข้อมูลของลูกค้า และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ลูกค้าซื้อ ยอดขายรายวัน จำนวนสินค้าที่ขายไปในแต่ละวัน เป็นต้น

2. ฮาร์ดแวร์/อุปกรณ์ POS คือส่วนเสริมที่เป็นอุปกรณ์เพิ่มเติมสำคัญที่จะทำการเชื่อมต่อกับโปรแกรมช่วยขายระบบ POS สำหรับการขายหน้าร้าน และการจัดการหลังร้าน เพื่อให้การทำงานเกิดความสมบูรณ์แบบ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งประกอบด้วย

– คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต iPad อุปกรณ์ต่อเสริมที่จะทำหน้าที่ในการประมวลผล และแสดงผลของโปรแกรมช่วยขายระบบ POS หากเลือกใช้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์การประมวลผล หรือการขับเคลื่อนการทำงานจะเป็นหน้าที่ของ CPU

– เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ อุปกรณ์สำคัญที่จะทำหน้าที่ในการออกใบเสร็จ เมื่อผู้คิดเงินทำการกรอกข้อมูลสินค้า หรือทำการคิดเงินตามที่ระบบกำหนดไว้ เครื่องก็จะทำหน้าที่ในการพิมพ์ใบเสร็จโดยมีข้อมูลสำคัญในการซื้อขายระบุไว้ ซึ่งในปัจจุบันนี้เครื่องพิมพ์ใบเสร็จก็มีจำหน่ายอยู่สองรูปแบบคือเครื่องพิมพ์ใบเสร็จแบบใช้ความร้อน และเครื่องพิมพ์ใบเสร็จหัวเข็ม

– เครื่องสแกนบาร์โค้ด หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่าเครื่องอ่านบาร์โค้ด เจ้าเครื่องนี้มีหน้าที่ในการยิงบาร์โค้ดสำหรับอ่านข้อมูลในแท่งบาร์โค้ดของสินค้า ซึ่งมีทั้งแบบ 1D (1 มิติ) และ 2D (2 มิติ) ซึ่งเครื่องสแกนบาร์โค้ดนี้ก็ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อลดความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ และเพิ่มความรวดเร็ว แม่นยำ ในการขายสินค้า

– ลิ้นชักเก็บเงิน ส่วนสำคัญที่มีไว้เก็บเงินที่ได้มาจากการขาย หรือเงินที่เก็บไว้ทอนให้กับลูกค้า โดยลิ้นชักเก็บเงินส่วนใหญ่มักจะประกอบด้วยช่องแยกธนบัตร และเหรียญที่ชัดเจน จึงทำให้สามารถเก็บ และทอนเงินได้ง่ายยิ่งขึ้น

– จอแสดงผลฝั่งลูกค้า อุปกรณ์ที่จะช่วยแสดงผลของการชำระเงินที่ลูกค้าจะต้องทำการจ่าย ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณมีความโปร่งใส ซื่อสัตย์ และทำการค้าอย่างราบรื่นคล่อง

เมื่อคุณได้ทราบแล้วว่าองค์ประกอบของตัวโปรแกรมช่วยขาย ระบบ POS นั้นหากจะให้สมบูรณ์ต่อการใช้งานมากที่สุดก็จำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ด้วย แต่หากใครที่มีงบประมาณอยู่อย่างจำกัดก็อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะบางอย่างก็ไม่จำเป็นจะต้องซื้อเองทั้งหมด เนื่องจากโปรแกรมช่วยขาย ระบบ POS บางเจ้าก็ที่มีเครื่องพิมพ์ใบเสร็จมาให้ในตัว ซึ่งแน่นอนว่ามันจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่าย และประหยัดพื้นที่ที่ใช้งานบริเวณแคชเชียร์เคาน์เตอร์ และเหลือพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นด้วย

ความสามารถของโปรแกรมช่วยขายระบบ POS ที่คุณจะได้รับเมื่อใช้งาน

หลายคนอาจเข้าใจว่าโปรแกรมช่วยขายระบบ POS ก็เป็นเพียงโปรแกรมสำหรับคิดเงินธรรมดา แต่ในความเป็นจริงแล้วระบบ POS สามารถเป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดไม่ว่าจะเป็นการเก็บบันทึกข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้เจ้าของร้านสามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจ เรื่องต่างๆ ในการทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้ผู้บริหารจัดการงานในส่วนนี้สามารถบริหารจัดการร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากจะให้สรุปสั้นๆ ถึงความสามารถของโปรแกรมช่วยขายระบบ POS แล้วมันก็มีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น

– การคิดเงินที่รวดเร็ว

– มีรายงานยอดขายแบบเรียลไทม์

– ระบุสินค้าขายดีภายในร้านของคุณ

– ช่วยให้รู้กลุ่มลูกค้า ที่เข้ามาซื้อสินค้าของคุณ

– การจัดการตัดสต๊อกอัตโนมัติ เมื่อมีการขายสินค้า

– ช่วยวางแผนโปรโมชั่น ที่เหมาะสมกับตัวสินค้า

– ช่วยควบคุมดูแลการทำงานของพนักงาน

– สั่งซื้อสินค้าได้อัตโนมัติเมื่อสต๊อกเหลือน้อย

ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ยังถือได้ว่าเป็นแค่ข้อดีคร่าวๆ ของโปรแกรมช่วยขายระบบ POS ที่เราได้นำมาฝาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วยังมีข้อดีอีกมากมายที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ระบบ POS ที่คุณเลือกใช้งาน แต่หากคุณได้ตัดสินใจใช้ระบบ POS เข้ามาช่วยงานแล้วไม่ว่าจะเลือกใช้ระบบ POS จากเจ้าใด การจัดการงานขายหน้าร้านของคุณก็จะรวดเร็วสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นแน่นอน

ฟีเจอร์ระบบ POS ที่เหมาะสำหรับธุรกิจรายย่อย ค้าปลีก ค้าส่ง

ทุกคนน่าจะทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่าโปรแกรมช่วยขายระบบ POS นั้นเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในหมู่เจ้าของร้านค้าปลีก ร้านอาหาร และเจ้าของธุรกิจประเภทอื่นๆ เพราะระบบ POS ที่ดีก็มีประสิทธิภาพในการตอบสนองการใช้งานของกิจการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยให้การดูแลร้านและธุรกิจง่ายยิ่งขึ้น โดยฟีเจอร์ระบบ POS โปรแกรมช่วยขายสำหรับเจ้าของธุรกิจรายย่อย ที่จะช่วยให้เจ้าของกิจการสามารถบริหารจัดการร้านค้าได้ง่ายยิ่งขึ้นจะต้องมีฟีเจอร์ต่อไปนี้

– ฟีเจอร์การจัดการสต๊อกสินค้า/คลังสินค้า ตัวช่วยดีๆ ที่จะทำให้คุณสามารถจัดการสินค้าภายในกิจการของคุณได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการจัดการรายละเอียดสินค้า, การนำเข้าสินค้าเยอะๆ ในครั้งเดียว, การดูแล จัดการ และการบริหารความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์, เช็คสินค้าใกล้หมดสต๊อก, ทำใบสั่งซื้อสินค้า, คืนสินค้าให้ซัพพลายเออร์, ตรวจนับสินค้าคงคลัง, ตรวจสอบรายการสินค้า, ติดตามสต๊อกแบบแยกส่วน (สำหรับเมนู/สินค้าที่มีวัตถุดิบ/ส่วนประกอบหลายส่วน), ทำราคาขายสินค้าของแต่ละสาขา, แจ้งเตือนสินค้าใกล้หมดผ่านอีเมล ไปจนถึงโยกย้ายสินค้าระหว่างสาขา ทำให้ขั้นตอนการบริหารจัดการและสต๊อกสินค้าต่างๆ ภายในร้านง่ายกว่าเดิม และมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง แม่นยำมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว เมื่อเทียบกับการทำงานเดิมที่ใช้พนักงานเช็คจากยอดขายเพียงอย่างเดียว

– ฟีเจอร์ CRM อีกหนึ่งฟีเจอร์ดีๆ ที่จะทำให้ทางร้านพัฒนา หรือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และยังช่วยให้คุณสามารถสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตรงใจกับกลุ่มลูกค้าของคุณได้มากยิ่งขึ้นด้วย CRM หรือ Customer Relationship Manangement โดยฟีเจอร์นี้สามารถทำได้ทั้งเก็บประวัติลูกค้าเช่น วันเกิด ที่อยู่ อีเมล ประวัติการซื้อสินค้า และยังสามารถส่ง SMS ไปหาลูกค้าได้พร้อมกันทีละหลาย ๆ คน สร้าง CRM แบบคะแนนสะสม กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาที่ร้านด้วย Loyalty Program รวมทั้งช่วยวางแผนทำโปรโมชั่นให้สอดคล้องกับลูกค้าแต่ละรายด้วย

– ฟีเจอร์รายงานยอดขาย เพราะยอดขายคือสิ่งที่ทุกคนคาดหวังเมื่อลงมือทำธุรกิจ ดังนั้นโปรแกรมช่วยขายที่ดีจะขาดฟีเจอร์นี้ไปไม่ได้ เพราะฟีเจอร์รายงานยอดขายจะทำให้เจ้าของกิจการทราบถึงความเคลื่อนไหวภายในกิจการแบบเรียลไทม์ และยังมีรายงานเวลาการทำธุรกรรมแบบวัน กะ หรือแม้กระทั่งชั่วโมง ระบุสินค้าขายดีภายในร้าน วิเคราะห์ภาพรวมสต๊อกสินค้า ติดตามการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า แล้วก็ติดตามผลลัพธ์โปรโมชั่น ที่สามารถเข้ามาดูและตรวจสอบได้ง่ายๆ ในที่เดียว

– ฟีเจอร์บริหารจัดการพนักงาน เพราะเป็นเรื่องของเงินทองที่มีเข้ามีออกตลอดวันบางครั้งเจ้าของกิจการ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในงานนี้ก็มักจะรู้สึกปวดหัวทุกครั้งที่จะต้องมองหาคนที่น่าไว้ใจในการจัดการงานในส่วนนี้ แต่หากคุณได้เลือกใช้โปรแกรมช่วยขายระบบ POS ที่มีฟีเจอร์บริหารจัดการพนักงานอยู่เรื่องเหล่านี้จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

เพราะฟีเจอร์นี้สามารถจัดการพนักงานในระบบ POS ได้เป็นอย่างดี พร้อมช่วยสอดส่องดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจึงมั่นใจได้เลยว่าเงินในลิ้นชักกับยอดขายจะตรงกันแน่นอน เพราะฟีเจอร์นี้จะเข้าจัดการข้อมูลพนักงาน การเข้าถึงข้อมูล/ระบบของพนักงานแต่ละคน ติดตามผลการปฏิบัติงานพนักงาน และชั่วโมงการทำงาน ดูแลเรื่องลงเวลาเข้างาน และเลิกงาน รวมถึงการเปิด และปิดกะ ที่จะทำให้คุณเห็นข้อมูลตลอดว่าใครที่ทำงานในช่วงเวลาใดบ้าง

– ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซ (Ecommerce) ช่วยให้เปิดร้านค้าออนไลน์ได้ในไม่กี่คลิก ไม่ต้องนั่งโค้ดหรือเสียเงินจ้างนักเขียนโปรแกรมให้เสียเวลา เพียงแค่ตั้งค่าให้ระบบให้เรียบร้อยก็สามารถทำการขายของออนไลน์ได้ทันที หมดห่วงเรื่องการขายสินค้าเกินจำนวน หรือสินค้าขาดสต๊อก เพราะโปรแกรม POS สามารถเชื่อมต่อบัญชีหน้าร้าน และออนไลน์ได้ในระบบเดียว

– คุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจ นอกจากฟีเจอร์ทั้งหมดที่เราได้แนะนำไปแล้ว ก็ยังมีฟีเจอร์หรือคุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจในการดูแลกิจการของคุณด้วยเช่นโปรแกรมช่วยขายระบบ POS ที่สามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมบัญชีได้ โปรแกรมช่วยขายระบบ POS ที่รองรับการใช้งานร่วมกันกับอุปกรณ์อื่น โปรแกรมช่วยขายระบบ POS ที่รองรับภาษาได้หลากหลายตามความถนัดของผู้ใช้งาน โปรแกรมช่วยขายระบบ POS ที่เชื่อมข้อมูลอัตโนมัติ ทำงานบนคลาวด์ (Cloud-based POS) สามารถบันทึกการนำเงินเข้า-ออกได้ และโปรแกรมช่วยขายระบบ POS ที่ทำงานได้อย่างอัจฉริยะ ไร้ปัญหาแม้ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือ WiFi

การใช้โปรแกรมช่วยขายระบบ POS สร้าง ความจงรักภักดีที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์สินค้า

หากคุณสามารถเลือกระบบ POS ที่เหมาะสมกับการทำงานภายในกิจการของคุณ การสร้าง Customer Loyalty (ความจงรักภักดีที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์สินค้า) ก็สามารถทำได้ง่ายๆ โดยความภักดีของลูกค้าจะส่งผลให้ลูกค้าไม่กลับมาที่ร้านอีก ซึ่งจากการศึกษาของเว็บแห่งหนึ่งพบว่า 45% ของลูกค้าร้านค้าปลีกมักจะไม่กลับมาช้อปที่ร้านอีก ส่งผลให้ลูกค้าไม่กลับมาที่ร้านอีก ซึ่งจากการศึกษาของเว็บแห่งหนึ่งพบว่า 45% ของลูกค้าร้านค้าปลีกมักจะไม่กลับมาช้อปที่ร้านอีก ซึ่งโปรแกรมช่วยขายระบบ POS ที่ดีจะสามารถช่วยคุณได้ในส่วนนี้ไม่มากก็น้อย ด้วยวิธีการดังนี้

– บันทึกข้อมูลลูกค้า การบันทึกข้อมูลลูกค้าจะทำให้คุณรู้จักลูกค้าของคุณมากยิ่งขึ้น โดยระบบ POS ส่วนใหญ่ที่มีฟีเจอร์นี้จะสามารถทำการบันทึกชื่อ ข้อมูลการติดต่อของลูกค้าไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่ลูกค้าชื่นชอบ เป็นการเก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อจัดโปรโมชั่นให้ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น

– เสนอส่วนลดให้ลูกค้า เมื่อมีข้อมูลสำคัญของเหล่าลูกค้าของคุณไว้ในมือแล้วสำหรับโปรแกรมช่วยขายระบบ POS ที่เหนือชั้นแล้วมันยังสามารถเข้ามาช่วยคุณวางแผนโปรโมชั่นและส่วนลดต่างๆ ให้กับลูกค้าได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการให้ส่วนลดด้วยการใช้คูปองสำหรับสินค้าที่ลูกค้าชื่นชอบ ส่วนลดในวันเกิด และโปรโมชั่นช่วงเทศกาลพิเศษ เป็นต้น

– ระบุกลุ่มลูกค้าที่ใช้จ่ายมากที่สุดและให้รางวัล วิธีการนี้จะเหมาะสำหรับระบบ POS ที่มีฟีเจอร์การสะสมคะแนน หรือแต้มเมื่อมีการใช้จ่ายภายในร้านค้าของคุณ เพื่อให้ลูกค้านำคะแนน หรือแต้มการใช้จ่ายที่สะสมไว้มาแลกรับของรางวัล ซึ่งวิธีนี้จะช่วยในการสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้ากลับมาที่ร้านบ่อยขึ้น

– สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า วิธีการนี้จะเหมาะสำหรับระบบ POS ที่มีฟีเจอร์การจัดการสต๊อกสินค้าที่จะแจ้งเตือนเมื่อสินค้าใกล้หมด ซึ่งจะทำให้คุณทราบว่าสินค้าตัวไหนขายดี และเป็นที่ต้องการในระยะเวลานี้ ซึ่งคุณก็จะสามารถจัดการสต๊อกสินค้าที่เป็นที่ต้องการเหล่านี้ไว้รองรับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้หมดปัญหาสินค้าไม่พอ เมื่อลูกค้าต้องการสินค้าชิ้นไหนก็มีขายและไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังแน่นอน

– มอบความสะดวกสบายให้ลูกค้า สำหรับกิจการใดที่เริ่มนำระบบการเป็นสมาชิกมาใช้ในการขายสินค้า และบริการหากเลือกโปรแกรมช่วยขายระบบ POS ที่ดีที่จะมอบความสะดวกสบายให้ลูกค้าสำหรับการเป็นสมาชิกได้เพียงแค่แจ้งชื่อ เบอร์โทร อีเมล ก็สามารถเป็นสมาชิกได้ทันที ก็ถือได้ว่าเลือกระบบ POS มาใช้งานได้ดีแล้ว เพราะในปัจจุบันไม่มีใครต้องการมานั่งกรอกแบบฟอร์มยาวๆ ให้เสียเวลาอีกแล้ว

มอบประสบการณ์การเป็นสมาชิกที่ดีให้กับแต่ละเจเนอเรชั่น (Gen) ด้วย POS

การทำธุรกิจไม่ว่าจะมีร้านค้าเป็นของตัวเองใหญ่ หรือเล็กคุณก็จำเป็นจะต้องรู้ไว้ว่าความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้นเป็นอย่างไร เพื่อที่คุณจะได้มอบประสบการณ์ที่ดีและตรงใจที่สุดให้กับพวกเขา เมื่อเข้ามาสินค้า หรือบริการของคุณ ซึ่งหากจะแบ่งกลุ่มลูกค้าตามวัยหรือตามรุ่นนั้น เราสามารถแบ่งเป็น 4 Gen ด้วยกัน ได้แก่ Gen B/Baby Boomers, Gen X, Gen Y/Millennials, และ Gen Z ซึ่งคุณสามารถสร้างความจงรักภักดีที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์สินค้าในแต่ละเจนได้ด้วยวิธีการดีๆ ดังนี้

– Gen B  (Baby Boomers) ลูกค้ากลุ่ม Gen B หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ Baby Boomers คือ กลุ่มที่มีอายุ 55 ปีขึ้นปี เป็นกลุ่มที่ใส่ใจในเรื่องของคุณภาพสินค้า ไม่ค่อยชอบความยุ่งยากในการซื้อสินค้า หรือบริการ หากต้องการเอาใจกลุ่มลูกค้านี้ คุณก็สามารถนำฟีเจอร์การสมัครสมาชิกที่แสนจะง่ายมาใช้กับพวกเขา เพื่อให้พวกเขาเข้ามาเป็นลูกค้าประจำของคุณ เนื่องจากพวกเขาอาจไม่มีความเชี่ยวชาญมากในนักหากคุณเลือกการสร้างบัญชีสมาชิกด้วยวิธีการลงทะเบียนในเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นมาใช้งาน ซึ่งมันจะส่งผลให้เกิดความยุ่งยากเกินไป และลดความน่าสนใจ

– Gen X สำหรับลูกค้ากลุ่ม Gen X นั้นจะมีอายุอยู่ที่ 40 ปีขึ้นไปและเติบโตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ พวกเขาจึงมีแนวโน้มที่จะสนใจสินค้าและบริการบนโลกออนไลน์มากกว่า ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะให้ข้อมูลเพื่อการเป็นสมาชิกตามเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อรับสิทธิพิเศษ ดังนั้นการทำการค้าออนไลน์จึงเหมาะกับลูกค้ากลุ่มนี้เป็นที่สุด ซึ่งในการสร้างความประทับใจการเป็นสมาชิกในระบบออนไลน์เพื่อสะสมแต้ม รับเงินคืน หรือรับส่วนลดต่างๆ ก็เหมาะกับพวกเขาเป็นอย่างดี

– Gen Y (Millennium) ลูกค้ากลุ่ม Gen Y หรือ ชาวมิลเลนเนียล มีอายุอยู่ที่ราว ๆ 22 ปีขึ้นไป เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีและรักความสบายมากเป็นพิเศษ ดังนั้นการมอบประสบการณ์การเป็นสมาชิกที่ดีให้กับพวกเขานั้นก็ง่ายๆ เพียงแค่ใช้โปรแกรมที่เข้าถึงได้ง่ายผ่านโทรศัพท์มือถือ และมีขั้นตอนการลงทะเบียนที่ไม่ยุ่งยาก หรือซับซ้อนมากจนเกินไปก็นับว่าเป็นวิธีที่ชาญฉลาดอยู่ไม่น้อย

– Gen Z ลูกค้ากลุ่มนี้คือเด็กรุ่นใหม่ที่คล้ายกับ Gen Y เพราะเติบโตมาพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและชอบในความสะดวกรวดเร็วเป็นที่สุดดังนั้นการมอบประสบการณ์การเป็นสมาชิกที่ดีให้กับพวกเขานั้นก็ง่ายๆ เพียงแค่ใช้โปรแกรมที่สนุกสนาน น่าตื่นเต้นเช่น การรับรางวัลพิเศษหรือส่วนลดทันทีเมื่อสมัครเป็นสมาชิก ส่วนขั้นตอนในลงทะเบียนก็ต้องเรียบง่ายและไม่ยุ่งยาก

วิธีการเลือกระบบ POS โปรแกรมช่วยขาย

1. สำรวจปัญหาภายในกิจการ

สิ่งแรกที่คุณต้องทำก่อนที่จะเลือกซื้อระบบ POS มาใช้งานคือการตรวจสอบ หรือสำรวจปัญหาต่างๆ ภายในร้าน เพื่อทำการแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้เรียบร้อยไม่ว่าจะเป็น การรับออร์เดอร์ผิดพลาดของพนักงาน การจัดสต๊อกสินค้า การจัดการกับสินค้าชำรุด สินค้าหาย เพราะสิ่งเหล่านี้อาจจะยุ่งยากมากขึ้นเมื่อมีการนำระบบ POS โปรแกรมช่วยขายมาใช้งานในอนาคต

2. ตรวจสอบการใช้งานว่าระบบ POS โปรแกรมช่วยขายจะต้องใช้งานคู่กับอุปกรณ์ใดบ้าง

ต่อให้คุณมีระบบ POS แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะใช้งานมันได้ทันที เพราะระบบ POS จะสามารถใช้งานได้สมบูรณ์แบบก็ต่อเมื่อมีอุปกรณ์ครบถ้วนอาทิเช่น คอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ค, แท็บเล็ต, iPad, เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ, เครื่องสแกนบาร์โค้ด, ขาตั้ง, จอแสดงผลฝั่งลูกค้า และเราเตอร์ WiFi

3. พิจารณาความเหมาะสมในการใช้งาน และงบประมาณในการซื้อ

ปัจจุบันมีระบบ POS มากมายให้คุณได้เลือกใช้บริการ ซึ่งก็มีทั้งเจ้าที่โดดเด่นในเรื่องของระบบ POS ร้านค้าปลีก หรือเจ้าที่โดดเด่นในเรื่องของระบบ POS ร้านอาหาร และเจ้าที่โดดเด่นในเรื่องของระบบ POS แบบครบวงจร ซึ่งการเลือกก็สามารถพิจารณาได้จากรูปแบบกิจการของคุณเองว่าเหมาะสมกับโปรแกรมช่วยขายแบบใด หากมีที่ถูกใจแล้วก็ควรมาดูถึงงบประมาณในการจัดซื้อ หรือการเช่ามาใช้งานไม่ว่าจะเป็นรายเดือน หรือรายปี ก็พิจารณาได้ตามกำลังที่คุณจะจ่ายได้ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต

4. เปรียบเทียบราคาระบบ POS โปรแกรมช่วยขาย กับฟีเจอร์การใช้งานก่อนซื้อ

เมื่อได้งบประมาณที่มีไว้ในใจแล้วก่อนที่คุณจะตัดสินใจจ่ายเงิน ลองเปรียบเทียบราคาระบบ POS โปรแกรมช่วยขายที่คุณต้องการ กับฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ ที่คุณจะได้รับว่าคุ้มค่ากับที่จะจ่ายไปหรือไม่ เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ที่สามารถทำงานได้ในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งคุณสามารถพิจารณาได้จากฟีเจอร์ที่จำเป็นจะต้องใช้งานอย่างฟีเจอร์การจัดการสต๊อกสินค้า ฟีเจอร์การบริหารจัดการพนักงาน ฟีเจอร์การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า และฟีเจอร์อื่นๆ ที่คุณต้องการ ว่าเจ้าไหนมีสิ่งเหล่านี้ให้กับคุณ ในราคาที่คุณตั้งไว้

5. บริการทดลองให้ใช้งานฟรี

เมื่อเปรียบเทียบราคาของระบบ POS จากแบรนด์หรือบริษัทต่างๆ จนได้เจ้าที่คุณพอใจแล้ว คุณก็อย่าพลาดที่จะทดลองใช้งานฟรี เพราะในบางบริษัทที่จำหน่ายระบบ POS โปรแกรมช่วยขายนั้นก็มีบริการให้ทดลองใช้งานสินค้าดูไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้รับชมสาธิต การทดลองใช้งานฟรี แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละบริษัท

โปรแกรมช่วยขายระบบ POS ที่ดีควรมีราคาเท่าไหร่

หากใครได้อ่านมาถึงตรงนี้คงจะเข้าใจแล้วว่าโปรแกรมช่วยขายระบบ POS สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ และตอบสนองความต้องการในการใช้งานพื้นฐานของร้านค้าได้เป็นอย่างดี และอาจจะเข้าใจหรือรู้สึกว่าระบบ POS นั้นจะต้องมีราคาที่สูงอยู่มาก แต่ในความเป็นจริงแล้วระบบ POS นั้นก็ไม่ได้มีราคาแพงอย่างที่คิด จึงทำให้เจ้าของกิจการ หรือผู้ประกอบการหลากหลายระดับสามารถเป็นเจ้าของระบบ POS ได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ก็มีหลายค่ายที่พัฒนา และออกแบบโปรแกรมคิดเงินสุดเจ๋งนี้ให้คุณเลือกใช้งานกันอยู่มากมาย

ส่วนราคาที่สามารถจับจอง หรือเป็นเจ้าของโปรแกรมช่วยขายระบบ POS เป็นของตัวเองได้นั้นก็มีความแตกต่างกันออกไปตามแต่บริษัท หรือฟังก์ชันในการใช้งานของแต่ละผู้ผลิต ซึ่งก็มีทั้งรูปแบบการใช้งานที่เป็นรายเดือน รายปี หรือซื้อแบบยกแพ็คเกจ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละค่ายจะมีเงื่อนไขในการใช้บริการที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปแล้วระบบ POS ที่มาพร้อมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ อย่าง iPad, แท็บเล็ต Android, ที่ตั้งแท็บเล็ต, ลิ้นชักเก็บเงิน, เครื่องปริ้นต์ใบเสร็จ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 40,000 บาท แต่หากเช่าเพียงตัวโปรแกรม ราคาก็จะถูกลงมาก

แต่สำหรับผู้ผลิตที่จำหน่ายแค่ระบบ POS ไม่มีอุปกรณ์มาให้คุณ คุณอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนของอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกันอย่างลิ้นชักเก็บเงิน, เครื่องสแกนบาร์โค้ด, เราเตอร์ WiFi และเครื่องพิมพ์ใบเสร็จ ส่วนราคาก็เริ่มต้นแค่หลักพันเท่านั้น ซึ่งคุณก็สามารถหาข้อมูลฟังก์ชันการใช้งานของแต่ละแบรนด์และเปรียบเทียบกันก่อนตัดสินใจซื้อได้ ราคาในการจ่ายก็ตามแต่งบ หรือความต้องการของคุณ

และอย่างที่เราบอกไปในช่วงแรกว่าโปรแกรมช่วยขายระบบ POS นั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือโปรแกรมช่วยขายเก็บเงินหน้าร้านโดยเฉพาะ (POS) และโปรแกรมบัญชี (Accounting Software) ดังนั้นในการเลือกซื้อแล้วราคาของระบบ POS ก็จะเป็นไปตามประเภทของระบบ POS ที่คุณเลือกซื้อด้วย

สรุป

โปรแกรมช่วยขายระบบ POS ถือเป็นโปรแกรมขายหน้าร้านหรือเครื่องคิดเงินที่มีประสิทธิภาพในการนำมาใช้งานสำหรับหลายๆ ธุรกิจ เพราะตัวโปรแกรมนั้นสามารถจัดการงานพื้นฐานของการขายสินค้าได้เป็นอย่างดีโดยตัว POS นั้นย่อมาจาก Point of Sale และข้อดีของโปรแกรมนี้ก็คือ สามารถช่วยให้เจ้าของร้านค้าปลีก ร้านอาหาร ธุรกิจบริการ และเจ้าของธุรกิจประเภทต่าง ๆ บริหารจัดการร้านได้ง่ายขึ้น

ซึ่งระบบการใช้งาน หรือฟีเจอร์หลักๆ ที่เจ้าของกิจการควรมีอยู่ในใจเมื่อต้องการเลือกระบบ POS ไว้ใช้งานก็คือระบบการการจัดการสต๊อกสินค้า การจัดการพนักงาน การบริหารจัดการลูกค้า และต้องตรงกับความต้องการในการใช้งานของคุณ งบประมาณในการซื้อที่คุณตั้งไว้ เพื่อให้ได้โปรแกรมขายหน้าร้านที่ดีมีประสิทธิภาพ เหมาะกับการใช้งานภายในกิจการของคุณมากที่สุด

และนี่ก็เป็นสุดยอดคู่มือการเลือกระบบ POS โปรแกรมช่วยขาย สำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่ ที่ SMEMOVE นำมาฝากในวันนี้ หากใครที่กำลังมองหาโปรแกรมช่วยขายระบบ POS ดีๆ ไว้ใช้งานก็อย่าลืมนำวิธีการ และข้อมูลที่เรานำมาฝากในวันนี้ไปใช้งานกันดูนะคะ และอย่าลืมว่าทางโปรแกรมบันทึกบัญชีออนไลน์ SMEMOVE ก็มีฟีเจอร์โปรแกรมช่วยขายระบบ POS ที่มาพร้อมกับโปรแกรมบัญชีอยู่ด้วย ซึ่งจะทำให้การจัดการงานในร้านค้าของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้องแม่นยำ สามารถทำการตรวจสอบได้ทั้งยอดขาย และการบันทึกบัญชีในที่เดียว ไม่ต้องเสียเวลาในการจัดการงานเกินจำเป็น จ่ายที่เดียวจบ ได้ครบทุกสิ่งที่กิจการต้องการ

ทดลองใช้ฟรีได้ที่ : SMEMOVE

คู่มือการใช้งาน : HELP

ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่

บทความบัญชี: smemove.com/blog

Facebook: Facebook.com/smemove.th

Youtube: SMEMOVE