วิธีคิดต้นทุนสินค้า และการตั้งราคาขาย ฉบับมือใหม่

By posted on November 1, 2023 2:58PM
วิธีคิดต้นทุนสินค้า และการตั้งราคาขาย ฉบับมือใหม่

ในยุคที่ธุรกิจ SMEs เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ การตั้งราคาขายสินค้าหรือบริการ ที่เหมาะสมกับต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการเผชิญกับสภาวะขาดทุน “การคิดต้นทุนสินค้า” จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ ที่จะทำให้รู้ว่าธุรกิจจะได้กำไรมากน้อยแค่ไหน สามารถถัวเฉลี่ยกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่แฝงอยู่ได้อย่างไรบ้าง ซึ่งทาง SMEMOVE จะมาแนะนำการคิดต้นทุนขาย เพื่อใช้ประกอบการทำบัญชีแบบง่าย ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการมือใหม่ สามารถนำวิธีคิดต้นทุนสินค้าที่ขายไปปรับใช้ได้กับธุรกิจของตนเอง

การคิดต้นทุนสินค้า สำคัญอย่างไรในการทำธุรกิจ?

การคิดต้นทุนสินค้า หรือต้นทุนขาย นับเป็นการคำนวณต้นทุนที่เกิดขึ้น จากการผลิตสินค้าหรือบริการของธุรกิจ ซึ่งการคำนวณต้นทุนจะทำให้เราทราบว่า กระบวนการต่าง ๆ กว่าที่จะได้เป็นสินค้าและบริการมา มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่แอบแฝง อาทิ ค่าออกแบบผลิตภัณฑ์ การผลิต การทดสอบสินค้า การขนส่ง บรรจุภัณฑ์ การจัดเก็บสินค้า ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบันเราจะคำนวณต้นทุนขายของธุรกิจออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ ธุรกิจที่ซื้อมาขายไป และธุรกิจที่มีการผลิตสินค้า ซึ่งในรูปแบบที่สองจะมีความซับซ้อนมากกว่า เพราะต้องคำนวณต้นทุนแฝงอื่น ๆ ประกอบอย่างละเอียด

แน่นอนว่า การคิดต้นทุนสินค้า ไม่ใช่แค่ช่วยเรื่องการทำบัญชีของกิจการเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้ประกอบการบริหารงานในองค์กรได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น มีข้อมูลในการทำบัญชี รายรับ รายจ่าย และรู้ว่าต้นทุนสินค้ามีอะไรบ้าง ควรปรับกลยุทธ์หรือว่าเปลี่ยนวัตถุดิบที่ใช้หรือไม่ นอกจากนี้ ยังช่วยเรื่องการกำหนดราคาขายได้ง่าย ๆ โดยไม่เสี่ยงขาดทุน และที่ขาดไม่ได้คือ ทำให้แข่งขันกับคู่แข่งได้ เพราะฉะนั้น การคิดต้นทุนขาย กำไร และราคาขาย จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีการทำธุรกิจ ที่ผู้ประกอบการมือใหม่ไม่ควรมองข้าม

การคิดต้นทุนสินค้า หรือต้นทุนขาย

ข้อควรจำ! ก่อนคิดต้นทุนสินค้า ต้องรู้อะไรบ้าง?

ก่อนจะคิดต้นทุนสินค้าแต่ละครั้ง ผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจมือใหม่ จะต้องท่องไว้เสมอว่า การคำนวณต้นทุนที่ดี จะต้องไม่ดูแค่ราคาสินค้าและวัตถุดิบเท่านั้น เพราะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องนำมาใช้ประกอบการคำนวณในทุกครั้ง และจำไว้เลยว่า “คำนวณต้นทุนผิด ธุรกิจเสี่ยงเจ๊ง” ดังนั้น ผู้ประกอบการทุกคนต้องมีทักษะการมองต้นทุนเป็น เพื่อให้เห็นกำไรให้ได้มากที่สุดในการทำธุรกิจ ซึ่งการหาต้นทุนจะมีทั้งการหาต้นทุนจริง การหาต้นทุนโดยคร่าว ๆ และต้นทุนสูงสุด ซึ่งการหาต้นทุนจริงควรจะน้อยกว่าต้นทุนสูงสุดที่เป็นไปได้ เพื่อให้มีโอกาสคุ้มทุนนั่นเอง

แจกสูตรคำนวณ และวิธีคิดต้นทุนสินค้า ฉบับมือใหม่

1. การหา Yield%

Yield คือ อัตราผลตอบแทนที่จะได้รับจากการลงทุน ซึ่งการคำนวณจะยึดตามตัวแปรในการประกอบธุรกิจ ซึ่งสูตรที่ใช้คือ Yield% = (ปริมาณวัตถุดิบที่ใช้จริง / ปริมาณวัตถุดิบที่ซื้อมา) x 100 ก็จะได้อัตราผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์

2. หาต้นทุนที่แท้จริงของธุรกิจ

ลำดับต่อมาจะต้องหาต้นทุนที่แท้จริงในการประกอบกิจการ เพื่อให้รู้ว่าต้นทุนจริง ๆ อยู่ที่เท่าไหร่บ้าง แล้วควรตั้งราคาขายอย่างไรเพื่อไม่ให้ขาดทุน โดยเป็นการนำเอาค่า Yield% ที่ได้ในขั้นแรกมาคำนวณ โดยสูตรก็คือ ต้นทุนจริง = ราคาที่ซื้อมา / Yield%

3. หาต้นทุนต่อหน่วย

หลังจากได้ต้นทุนที่แท้จริงแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายก็คือ การหาต้นทุนต่อหน่วยของสินค้าหรือบริการนั้น ๆ โดยสูตรการหาก็คือ ต้นทุนต่อหน่วย = ต้นทุนจริง / จำนวนหน่วย

ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการ ที่ผู้ประกอบการต้องใช้คำนวณ

ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการ ที่ผู้ประกอบการต้องใช้คำนวณ

ถึงแม้ว่าการคิดต้นทุนสินค้าจะใช้หลักการหา Yield% ก่อน แล้วค่อยนำมาหาต้นทุนต่อหน่วย แต่ผู้ประกอบการมือใหม่อย่าลืมว่า ยังมีต้นทุนอื่น ๆ ที่ควรนำมาประกอบการคำนวณด้วย เพื่อให้ได้ราคาขายต่อหน่วยที่เหมาะสมที่สุดในการดำเนินกิจการ

  • ต้นทุนวัตถุดิบ ซึ่งเป็นต้นทุนหลักสำหรับการคิดต้นทุนสินค้าที่ขาย
  • ค่าแรงการผลิต หรือต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะการจ้างพนักงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบและดูแลกระบวนการผลิต
  • ค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้า เช่น ค่าน้ำไฟฟ้า ค่าน้ำมันรถ ฯลฯ
  • ของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต เช่น ผลิตสินค้า 20 ชิ้น/หน่วย เสีย 1 ชิ้น ก็เท่ากับว่าเสีย 5% เป็นต้น
  • หากเป็นสินค้านำเข้า ก็ต้องคิดต้นทุนสินค้านำเข้าจากต่างประเทศอย่างละเอียดเช่นกัน

หมายเหตุ : ในกรณีที่มีการเช่าพื้นที่ในการประกอบกิจการ ควรนำมาคำนวณร่วมด้วย เพราะสถานที่บางแห่งนอกจากจะมีค่าเช่าแล้ว ยังมีค่าส่วนกลาง และอื่น ๆ เช่นกัน

ข้อดีของการคำนวณต้นทุนขายสินค้า/บริการ

  • สามารถนำไปใช้ประกอบการตั้งขายราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสม เช่น สินค้าบางรายการอาจจะมีกำไรน้อยกว่า แต่สินค้าบางรายการอาจจะกำไรเยอะกว่า โดยอิงจากราคาตลาดร่วมด้วย
  • ทำให้มีกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการตั้งราคาขายสินค้า สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ โดยเฉพาะหากในพื้นที่นั้น ๆ มีคู่แข่งที่จำแนกอยู่ในประเภทธุรกิจลักษณะเดียวกัน
  • สามารถวางแผนในการผลิตสินค้าได้ในแต่ละช่วงเวลา เช่น หากเป็นร้านอาหาร ที่มีเมนูที่ต้องใช้เวลาในการทำนานพอสมควร ก็จะได้รู้ว่าควรประเมินเวลาทำอย่างไรในแต่ละช่วงเวลา
  • ทำให้คำนวณปริมาณสินค้าได้อย่างเหมาะสม เพื่อลดของเสียในกระบวนการผลิต เช่น การหมดอายุของวัตถุดิบที่ใช้
  • มีข้อมูลในการทำบัญชีที่ละเอียด โดยเฉพาะธุรกิจที่มีวิธีคิดต้นทุนการผลิต กำไร และราคาขายอย่างเป็นระบบ หรืออาจจะใช้โปรแกรมคำนวณต้นทุนก็ได้เช่นกัน

ข้อดีของการคำนวณต้นทุนขายสินค้า/บริการ

ทั้งนี้ การคิดต้นทุนสินค้า กำไร และราคาขาย ผู้ประกอบการควรมีวิธีการคำนวณอย่างเป็นระบบ หรือหากไม่มีความรู้ด้านบัญชีมาก่อน ก็สามารถเลือกใช้โปรแกรมคำนวณต้นทุน ที่มีให้เลือกใช้บริการได้เช่นกัน เช่นเดียวกับโปรแกรมบัญชีออนไลน์ SMEMOVE ที่ออกแบบมาให้ผู้ประกอบการได้ใช้อย่างง่ายดาย มีฟังก์ชันที่หลากหลาย โดยเฉพาะการจัดการสต็อกสินค้าในคลัง ทั้งยังมีเมนูการสร้างเอกสารทางธุรกิจที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ที่ช่วยให้การทำธุรกิจง่ายมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเข้ามาทดลองใช้ฟรีได้แล้ววันนี้

ทดลองใช้ฟรีได้ที่ : SMEMOVE

คู่มือการใช้งาน : HELP

ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่

บทความบัญชี: smemove.com/blog

Facebook: Facebook.com/smemove.th

Youtube: SMEMOVE