ข้อดี – ข้อเสีย “ธุรกิจกงสี” และการบริหารธุรกิจให้เจริญรุ่งเรือง

By posted on September 8, 2025 9:15AM
ข้อดี - ข้อเสีย "ธุรกิจกงสี" และการบริหารธุรกิจให้เจริญรุ่งเรือง

ในปัจจุบันการดำเนินธุรกิจนับว่ามีหลากหลายรูปแบบมาก ๆ แต่ที่ได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คงหนีไม่พ้น ธุรกิจกงสี ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำกันในครอบครัว มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน และมีการสานต่อกิจการจากรุ่นสู่รุ่น ชนิดที่ว่ามีหลาย ๆ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในระดับประเทศ จึงทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจที่น่าสนใจ สำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ที่อยากบริหารธุรกิจให้เติบโตและเจริญรุ่งเรือง

ธุรกิจกงสี คืออะไร

ธุรกิจกงสี คืออะไร?

ธุรกิจกงสี มาจากคำว่า กงสี ที่หมายถึงการมีทรัพย์สินกองกลางที่ใช้ร่วมกันสำหรับคนกลุ่มหนึ่ง ดังนั้น ธุรกิจกงสี หมายมีความหมายรวมกันว่า ธุรกิจหรือกิจการที่เป็นกรรมสิทธิ์รวมของคนในตระกูล เพื่อแบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน โดยสมาชิกในกงสีจะมีบทบาทในธุรกิจไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของแต่ละกงสี ซึ่งธุรกิจกงสีจะนิยมใช้กับครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน เพราะใช้แนวคิดของครอบครัวคนจีนที่มาตั้งรกรากในเมืองไทยนั่นเอง

รูปแบบการประกอบธุรกิจกงสี

1. ธุรกิจกงสีแบบเก่า หรือแบบดั้งเดิม

เป็นการบริหารงานธุรกิจที่เริ่มจากผู้นำครอบครัว ที่ต้องการสร้างธุรกิจหรือกิจการ เพื่อให้ลูกหลานได้มาทำงานร่วมกัน โดยธุรกิจจะมีเงินกองกลางที่ใช้จ่ายร่วมกันของทุกคน แต่หลังจากที่ครอบครัวขยายใหญ่ขึ้น ลูกหลานแต่งงานมีครอบครัวแยกออกไป ก็จะทำให้มีบุคคลภายนอกเข้ามาในครอบครัวเพิ่มขึ้น จึงทำให้เกิดปัญหาเรื่องผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว จึงทำให้ธุรกิจกงสีถูกพัฒนาให้กลายเป็นธุรกิจกงสีแบบใหม่

3. ธุรกิจกงสีแบบใหม่

หลังจากที่ธุรกิจกงสีแบบเก่าไม่สามารถตอบโจทย์การบริหารจัดการบุคคลในตระกูลหรือครอบครัวที่ขยายใหญ่ขึ้นได้ จึงทำให้รูปแบบของธุรกิจกงสีแบบใหม่มีการบริหารจัดการที่ดีมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ การเลือกใช้ระบบการจัดการกงสี ทั้งในส่วนของเงินกงสี การเบิกจ่าย การทำงานของสมาชิกในครอบครัว ที่ทุกอย่างจะมีระบบมากขึ้น และสามารถขยายกิจการได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

ข้อดี – ข้อเสีย ของธุรกิจกงสี

ข้อดี – ข้อเสีย ของธุรกิจกงสี

ข้อดี

  • เป็นการรักษามรดกหรือทรัพย์สินให้เป็นของตระกูล ที่หากบริหารดีก็จะทำให้ทุกคนอยู่รอดได้
  • สามารถขยายกิจการได้ โดยที่ผลประโยชน์ยังคงเป็นของครอบครัวเป็นหลัก
  • สมาชิกในครอบครัวสามารถพัฒนาและร่วมกันขยายกิจการได้ จากความสามารถของคนในตระกูล
  • มีความมั่นคง สามารถฟื้นฟูธุรกิจได้ง่าย เพราะเป็นการบริหารงานของคนในครอบครัว ที่มีความแน่นแฟ้นและอยู่ใกล้ชิดกัน
  • เป็นธุรกิจที่เน้นความเสมอภาคของสมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน หากมีการแชร์ไอเดียหรือแนวคิดอะไร ก็จะได้รับแรงสนับสนุนที่ดีตามไปด้วย

ข้อเสีย

  • เมื่อครอบครัวขยายใหญ่ขึ้น มีคนภายนอกเข้ามาในระบบกงสี อาจทำให้สื่อสารกันยาก ไม่เข้าใจแนวทาง หรือไม่มีอุดมการณ์เดียวกัน เหมือนกับบุคคลในครอบครัวที่ปลูกฝังแนวคิดมาเหมือนกัน
  • มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเจอบุคคลภายนอกที่ไม่ซื่อสัตย์ เห็นแก่ตัว เพราะมองว่าไม่ใช่พี่น้องกันโดยสายเลือด เพราะให้ความสำคัญเฉพาะคู่สามี – ภรรยาของตนเองเท่านั้น
  • เมื่อมีความไม่เข้าใจกัน เพราะอุดมการณ์แตกต่างกันจากบุคคลภายนอก ก็อาจส่งผลให้พี่น้องหรือบุคคลในครอบครัวมีความขัดแย้งได้
  • เมื่อมีสมาชิกมากขึ้นก็จะมีแนวคิดที่อยากได้สมบัติเป็นของตัวเอง ไม่ต้องการทำงานหรือใช้ระบบกงสีร่วมกับผู้อื่น เพราะมองว่าตนเองอาจทำงานหนักมากกว่า เป็นต้น

ธุรกิจกงสี มีข้อดีที่เห็นได้ชัดคือเป็นธุรกิจที่ทำขึ้นมาเพื่อคนในครอบครัว ทำให้สมาชิกอยู่ดีกินดี แต่ก็มีข้อเสียจากการขยายครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น จนกลายเป็นกงสีขนาดใหญ่ ซึ่งธุรกิจกงสีต้องปรับตัวและมีการบริหารงานที่ดี เหมาะสมกับสมาชิก และตอบโจทย์กับยุคสมัยอยู่เสมอ 

แนวทาง การวางรากฐานของธุรกิจกงสีให้มั่นคง

4 แนวทาง การวางรากฐานของธุรกิจกงสีให้มั่นคง 

1. แยกการบริหาร ระหว่าง “ธุรกิจ” และ “ครอบครัว”

เพราะธุรกิจต้องมุ่งเน้นกำไรและผลประโยชน์ ส่วนครอบครัวเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ การทำธุรกิจกงสีจึงไม่จำเป็นว่าผู้ที่อาวุโสที่สุดในครอบครัว จะต้องมีอำนาจสูงสุดในธุรกิจ และผู้บริหารที่ได้สิทธิขาดในธุรกิจ ก็ควรมีสิทธิการบริหารงานอย่างชัดเจน ไม่มีการแทรกแซงจากคนในครอบครัวที่อาวุโสมากกว่า

2. มีผลตอบแทนที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา

ธุรกิจกงสีที่ดีจะต้องมีความชัดเจนเรื่องของผลตอบแทน หากเป็นผู้ถือหุ้นจะต้องได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผล ส่วนผู้บริหารและลูกน้อง จะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินเดือน โบนัส ตำแหน่ง และสวัสดิการแทน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาจากการทำงานได้ด้วย เช่น บางคนทำงานเยอะแต่ไม่ได้เงิน หรือบางคนไม่ทำงานแต่ได้เงิน เป็นต้น

3. ทำบัญชีภายในธุรกิจกงสี

การวางระบบบัญชีถือมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่ธุรกิจกงสี แต่หมายถึงธุรกิจทุกรูปแบบ แต่ระบบกงสีจะต้องมีความชัดเจน เพราะมีสมาชิกในครอบครัวเข้ามามีบทบาทในธุรกิจโดยการทำบัญชีต้องมีระเบียบ ทั้งการจ่ายเงินปันผลตามสัดส่วนกำไรที่ได้ การทำสัญญากู้ยืมเงินหากมีคนในครอบครัวดึงเงินกงสีออกไปนอกเหนือจากผลตอบแทนที่ได้ การลงทุนในสินทรัพย์ก็ต้องมีการลงทุนจริง ๆ เช่น การซื้อของมาใช้งาน รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่มีในธุรกิจ ซึ่งจะได้ผลดีมากที่สุดหากมีการวางระบบเอกสารทางธุรกิจอย่างชัดเจน

4. มีการวัดผลอย่างเท่าเทียมกัน

ปัญหาเรื่องการเงินในระบบกงสีจะหมดไป หากมีการวัดผลอย่างเท่าเทียมกัน โดยให้ยึดจากการทำงานและเกณฑ์การประเมินจากผลงาน ทำให้มีความโปร่งใสในการทำธุรกิจมากขึ้น ไม่มีการลำเอียง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะประเมินจากอะไรในแต่ละตำแหน่งหรือภาระงานที่ได้รับมอบหมาย

ทรัพย์สินของธุรกิจกงสี และการจัดการภายในครอบครัว

อย่างที่เราเข้าใจกันไปในเบื้องต้นแล้วว่า รูปแบบของธุรกิจกงสีคือการทำธุรกิจที่สมาชิกในครอบครัวมีบทบาทในทุก ๆ ส่วน และเป็นการทำงานร่วมกัน ภายใต้เงินกงสีที่จัดสรรปันส่วนอย่างเท่าเทียมกัน แต่ในมุมของทรัพย์สินก็มีสิ่งที่ต้องบริหารจัดการให้เหมาะสมเช่นกัน โดยเฉพาะที่ดินและอสังหาริมทรัพย์

โดยการจัดการที่ทำให้ธุรกิจกงสีไม่มีปัญหาเรื่องที่ดินก็คือ การนำที่ดินกงสีโอนเข้าไปเป็นทรัพย์สินของบริษัท แล้วนำหุ้นของบริษัทกระจายแบ่งกันในทายาททั้งหมด เพื่อให้ที่ดินกงสีเป็นของทายาทร่วมกัน ผ่านการถือหุ้นภายในบริษัท ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดปัญหาเรื่องความไม่เป็นธรรมในระบบกงสีได้ และมีความโปร่งใสมากกว่าในการบริหารจัดการธุรกิจกงสี

แนวทางการบริหารธุรกิจกงสี จากธุรกิจชั้นนำในไทย

แชร์แนวทางการบริหารธุรกิจกงสี จากธุรกิจชั้นนำในไทย

สำหรับการประกอบกิจการหรือธุรกิจกงสีในไทย ก็นับว่ามีหลาย ๆ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ภายใต้การดำเนินกิจการแบบกงสี ซึ่งธุรกิจที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ C.P. Group ที่สามารถเติบโตและกลายเป็นธุรกิจชั้นนำในไทย ที่ครอบคลุมการให้บริการในหลาย ๆ กลุ่มธุรกิจย่อย เพราะฉะนั้น SMEMOVE จะพาคุณมาดูกันว่า การบริหารธุรกิจกงสีของธุรกิจชั้นนำในไทย มีแนวคิดและการบริหารอย่างไรบ้าง ที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและเจริญรุ่งเรือง

1. C.P. Group

สำหรับ C.P. Group หรือ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า อาณาจักรซีพี ที่ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการบริหารธุรกิจกงสี ที่เริ่มต้นจากการทำร้านขายเมล็ดพันธุ์พักและผลไม้อย่าง “เจียไต๋จึง” แล้วค่อยขยายกิจการไปยังธุรกิจอาหารสัตว์ในภายหลัง หลังจากนั้นก็ได้ขยายกิจการไปยังฟาร์มไก่ หมู กุ้ง ตลอดจนธุรกิจร้านค้าปลีกและร้านอาหารชั้นนำจนถึงปัจจุบัน

โดยธุรกิจของ C.P. Group ในปัจจุบันนี้ รวมทั้งหมด 8 สายธุรกิจหลัก 14 กลุ่มธุรกิจย่อย ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ พร้อมยึดมั่นหลักการ 3 หลัก คือ ผลประโยชน์ต่อประเทศที่เข้าไปลงทุน ผลประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศที่เข้าไปลงทุน และผลประโยชน์ของบริษัทฯ ที่ใช้ตั้งแต่ยุคแรกมาจนถึงปัจจุบัน

2. Central Group

สำหรับเครือ เซ็นทรัล กรุ๊ป ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจเก่าแก่ของเมืองไทย ที่บริหารงานภายใต้ตระกูลจิราธิวัฒน์ ที่กลายเป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย โดยเป็นธุรกิจกงสีที่ปฏิวัติวงการค้าปลีกในไทยเลยก็ว่าได้ ทั้งยังครอบคลุมธุรกิจกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร ในเครือ Central Group

โดยการบริหารงานของธุรกิจนี้ที่สามารถสืบทอดธุรกิจได้จากรุ่นสู่รุ่นก็คือ การให้ความสำคัญกับธรรมนูญครอบครัว จนทำให้ประสบความสำเร็จทั้งในด้านการจัดระบบของสมาชิกในการอยู่ร่วมกัน รวมถึงการส่งต่อธุรกิจที่มีความชัดเจน และที่ขาดไม่ได้คือ การนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้อย่างเชี่ยวชาญ เพื่อทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืน

3. ตระกูลอยู่วิทยา หรือ กระทิงแดง

อีกหนึ่งธุรกิจกงสีที่เติบโตอีกหนึ่งธุรกิจในไทยก็คือ ธุรกิจของตระกูลอยู่วิทยา ที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในนามของเครื่องดื่มกระทิงแดง และในต่างประเทศจะรู้จักกันในชื่อ Red Bull ซึ่งหลักการในการดำเนินธุรกิจก็คือ การวางกลยุทธ์หลังบ้านให้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะโครงสร้างของครอบครัว พร้อมสร้างกฎระเบียบ ข้อตกลง ที่มีความเท่าเทียมกัน ทำให้สมาชิกที่เข้ามาทำงานไม่รู้สึกเสียเปรียบไม่ว่าด้านใดก็ตาม

4. Moshi Moshi

และธุรกิจกงสีอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตมาก ๆ ในประเทศไทยก็คือ Moshi Moshi ธุรกิจกงสีของตระกูลบุญสงเคราะห์ ซึ่งเป็นธุรกิจกงสีหมื่นล้านที่สร้างมาจากรุ่นพ่อ พร้อมต่อยอดมาจนถึงรุ่นลูก โดยเริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัวที่ขายเครื่องเขียนและให้ลูกหลานมารับช่วงต่อ

โดยการบริหารงานที่สำคัญคือ การรับฟังเสียงของรุ่นต่อไปที่จะมาสืบทอดกิจการหรือพัฒนาธุรกิจให้เติบโตมากขึ้น ให้สมาชิกในครอบครัวได้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่เด็ก ๆ มีการสนับสนุนแนวคิดอย่างไม่ปิดกั้น มีธรรมนูญครอบครัวที่แข็งแกร่ง ทั้งในมุมของสภาครอบครัวและสภาธุรกิจ จนทำให้กลายเป็นธุรกิจกงสีที่ประสบความสำเร็จอีกหนึ่งธุรกิจในเมืองไทย เพราะแยกบริหารอย่างชัดเจน ทั้งในมุมธุรกิจและครอบครัว

การทำธุรกิจกงสีให้เติบโตอย่างยั่งยืน

สรุป

จะเห็นได้เลยว่า ธุรกิจกงสี หรือกิจการที่ใช้ระบบกงสี ต้องมีความชัดเจนในการบริหารงาน ทั้งในมุมของธุรกิจและความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งการบริหารงานที่ดีคือการสร้างข้อตกลงที่มีความชัดเจน มีการนำข้อกฎหมายมาใช้อย่างชาญฉลาด เช่น การจัดตั้งบริษัท พร้อมใช้กฎหมายเรื่องหุ้นส่วนบริษัท เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือความขัดแย้งระหว่างพี่น้องในอนาคต และที่ขาดไม่ได้คือ การวางระบบบัญชีที่เป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็น เงินปันผล เงินให้กู้ยืม เงินลงทุน และค่าใช้จ่าย

ทดลองใช้ฟรีได้ที่ : SMEMOVE

คู่มือการใช้งาน : HELP

ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่

บทความบัญชี: smemove.com/blog

Facebook: Facebook.com/smemove.th

Youtube: SMEMOVE