Google ใช้เวลากว่า 2 ปี ในการศึกษาทีมงาน 180 ทีม ที่มีความสำเร็จจนได้มาซึ่งวิธีการแห่งความสำเร็จ 5 ประการ

By posted on August 16, 2019 4:08PM

ในช่วงปีที่ผ่านมานั้นทาง Google ได้ลงมือนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลมากมาย และใช้ความพยายามมากกว่าล้านครั้ง เพื่อที่จะทำความเข้าใจในผู้คนและทีมงานที่ทำงานแตกต่างกันไปแล้วสามารถประสบผลสำเร็จในงานที่ทำ โดยหนึ่งในความคิดริเริ่มของทาง Google ที่น่าสนใจสำหรับการหาคำตอบของการทำงานเป็นทีมแล้วประสบความสำเร็จก็คือ Project Aristotle ซึ่งเป็นโครงการที่ทาง Google สกัดข้อมูลออกมาจากหลาย ๆ งานที่ดีที่สุดที่แจกจ่ายไปให้ทีมงานต่าง ๆ และมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากที่สุดของทาง Google สำหรับตีแผ่หนทางที่ทำให้งานนั้นมีประสิทธิภาพในการดำเนินการด้วยทีมงานมากที่สุด

เหตุผลในการสำรวจนั้นก็เพื่อที่ Google จะได้มีคำตอบว่าทำไมงานของบางทีมงานนั้นประสบผลสำเร็จในขณะที่งานของบางทีมงานนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ

ก่อนหน้าที่ทาง Google จะทำการศึกษานั้น (เหมือนอย่างที่หลายบริษัททำกัน) Google เชื่อว่าการที่จะสร้างทีมงานที่มีความสำเร็จได้นั้นต้องมาจากการรวมทีมงานที่มีประสิทธิภาพ หรือเป็นทีมงานที่แต่ละคนมีความสามารถที่ดี ซึ่งแน่นอนว่าวิธีดังกล่าวนั้นก็ได้ผลกับบางทีมงานไม่ว่าจะเป็น คณะวิศวกรจากทาง MIT ที่รวมเข้ากับศาสตราจารย์ที่จบปริญญาเอก แต่ทว่า Julia Rozovsky ผู้จัดการวิเคราะห์ของทาง Google เองนั้นพบว่ามันไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป

ในการเลือกทีมงานที่มีประสิทธิภาพนั้น ทาง Google ได้เลือกให้ Abeer Dubey ผู้อำนวยการฝ่ายการวิเคราะห์ของทาง Google เป็นหัวหน้าทีมในการศึกษานี้ ทำหน้าที่ในการเลือกสมาชิกที่มีประสิทธิภาพได้ตามต้องการในส่วนของทีมงานที่จำเป็นต้องใช้ในการแก้ไขปัญหาที่ทาง Google ตั้งขึ้นมา

หลังจากผ่านไป 2 ปี จากการศึกษาทีมงานของ Google เองกว่า 180 ทีมงาน โดยมีการสัมภาษณ์มากกว่า 200 ครั้ง และมีการวิเคราะห์ข้อมูลมากกว่า 250 ครั้ง จากทีมที่มีคุณลักษณะแตกต่างกันไป ทว่า ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้

เพื่อให้การศึกษาเปลี่ยนไปจากเดิม ทาง Google ได้เชิญกลุ่มนักจิตวิทยาจาก Carnegie Mellon, M.I.T. และ Union College มาร่วมงานใน Project Aristotle ซึ่งทำให้ในตอนหลังนั้น Google พบกับความสำเร็จในการค้นหาสิ่งที่มีผลต่อการทำให้งานของแต่ละทีมนั้นประสบความสำเร็จได้ โดยทาง Google ได้สรุปใจความสำคัญในการทำให้งานประสบผลสำเร็จไว้ 5 ข้อ ดังนี้

  1. ความน่าเชื่อถือ – พนักงานในทีมจำเป็นต้องเชื่อถือซึ่งกันและกัน โดยความเชื่อถือนั้นทำให้เกิดขึ้นได้ผ่านการประชุมร่วมกัน
  2. โครงสร้างและความชัดเจน – ทีมงานที่มีประสิทธิภาพสูงนั้นจำเป็นต้องมีเป้าหมายของงานที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งนั่นหมายรวมถึงแผนในการดำเนินงานและหน้าที่ของแต่ละคนในทีมงาน
  3. ความหมายชัดเจน – ทีมงานแต่ละคนจำเป็นต้องทราบหน้าที่ของตัวเองอย่างชัดเจนในงานที่ตัวเองจะเป็นผู้รับผิดชอบ
  4. ผลกระทบ – ทีมงานทั้งหมดจำเป็นต้องทราบว่าผลกระทบของการกระทำของตัวเองนั้นจะทำให้เกิดผลกระทบโดยรวมต่องานทั้งหมด โดยผลกระทบที่ทีมงานควรรู้นั้นควรมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ท้ายที่สุดแล้วข้อที่เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดอย่างความปลอดภัยทางจิตวิทยา อย่างเช่น งานนั้นจะไม่สามารถสำเร็จได้เลยหากทางทีมงานไม่ว่าใครคนหนึ่งมีความกดดันมากจนเกินไปจากงานที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ วิธีการดังกล่าวนี้สามารถจัดการได้โดยการประชุมที่ทีมงานนั้นสามารถที่จะแสดงความคิดเห็นในส่วนของงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ อีกสิ่งหนึ่งที่ทีมงานแต่ละคนควรได้รับการใส่ใจมากก็คือ เรื่องของสถานการณ์โดยรวมของงานที่ทีมงานตัวเองนั้นต้องรับผิดชอบ เพื่อที่จะทำให้ทีมงานทุกคนรู้สึกปลอดภัยในการทำงาน และไม่ควรตัดสินเรื่องของตัวงานออกมาตรง ๆ ด้วยคำพูดที่รุนแรง เพื่อที่ทีมงานนั้นจะได้รู้สึกว่าตัวเองได้รับการปกป้องเมื่อทำงานผิดพลาดแม้ว่าการศึกษานี้จะไม่ได้อยู่ในรูปของตัวเลขสถิติ ทว่า ทาง Google ได้บอกเอาไว้ว่าทีมงานที่มีการเพิ่มความปลอดภัยทางจิตวิทยาลงไปด้วยนั้นมีจำนวนพนักงานน้อยกว่ามากที่ตัดสินใจออกจากทีมงาน เมื่อเทียบกับทีมงานที่ไม่มีความปลอดภัยทางจิตวิทยา

ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่

บทความบัญชี: smemove.com/blog

Facebook: Facebook.com/smemove.th

Youtube: SMEMOVE