เดินหน้าสู่ Tax Administration 3.0 เพิ่มรายได้อย่างยั่งยืนแก่ภาครัฐ

By posted on July 25, 2025 2:36PM
เดินหน้าสู่ Tax Administration 3.0 เพิ่มรายได้อย่างยั่งยืนแก่ภาครัฐ

เตรียมพบกับการปฏิวัติการจัดเก็บภาษีจากกรมสรรพากร ด้วยการเดินหน้าสู่ Tax Administration 3.0 ที่ทางกรมสรรพากรจะผสานระบบภาษีแบบครบวงจรเข้ากับชีวิตประจำวัน ด้วยการดึงเทคโนโลยีเข้ามาใช้งาน ช่วยเพิ่มความสะดวกต่อผู้เสียภาษีได้มากขึ้น ลดภาระและความเหลื่อมล้ำด้านภาษี และที่ขาดไม่ได้คือ การสร้างรายได้ให้กับภาครัฐอย่างยั่งยืน

 นายปั่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร และ Tax Administration 3.0

รู้จัก Tax Administration 3.0 จากกรมสรรพากร

แนวคิด Tax Administration 3.0 ของทางกรมสรรพากรนั้น ทางด้าน นายปั่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ได้กล่าวถึงระบบดังกล่าวนี้ว่า เป็นการจัดเก็บภาษีในอนาคต ที่ทั่วโลกต่างก็มุ่งเป็น Tax Administration 3.0 ทั้งสิ้น เพราะเป็นการฝังระบบภาษีเข้าไปในระบบที่ผู้เสียภาษีใช้ในธุรกิจหรือชีวิตประจำวัน ซึ่งแนวคิดนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้มากขึ้น ทำให้การจัดการภาษีไร้รอยต่อหรือไร้แรงเสียดทาน ซึ่งแนวคิดนี้จะเป็นเป้าหมายสำคัญทางกรมสรรพากรเช่นกัน

โดยระบบ Tax Administration 3.0 จะเป็นการฝังภาษีเข้าไปในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงชีวิตประจำวันของประชาชน ไม่ว่าจะเป็น การยื่นแบบ การชำระภาษี หรือแม้กระทั่งการรายงานข้อมูล ที่จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ควบคู่ไปกับการทำธุรกรรมจริงของประชาชน โดยการเก็บข้อมูลนี้ จะเป็นการจัดเก็บข้อมูลแบบ Real – Time หรือ Near Real – Time ซึ่งจะช่วยให้ทางกรมสรรพากรประเมินความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังบังคับใช้กฎหมายเชิงรุกได้

รู้จัก Tax Administration 3.0 จากกรมสรรพากร

แนวทางการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรในอนาคต

สำหรับการดำเนินการของทางกรมสรรพากรในอนาคต จะมีการออกแบบโครงสร้างภาษี โดยจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความสมดุลระหว่างความเป็นธรรมและการเติบโต ซึ่งการจัดเก็บภาษีจะต้องอำนวยรายได้ให้เพียงพอต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งการจัดเก็บภาษีของทางกรมสรรพากร ถือเป็นรายได้หลักของทางภาครัฐ โดยคิดเป็น 78% จากรายได้ของรัฐบาล

แน่นอนว่า แนวคิดดังกล่าวนี้ยังสอดคล้องกับการทบทวนค่าลดหย่อนบางรายการ ที่ทำให้ความก้าวหน้าของระบบภาษีลดลงเช่นกัน ซึ่งทุก ๆ การทบทวนของกรมสรรพากร ก็ต้องสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการดึงคนให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษีมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนี้มีผู้ที่อยู่ในระบบฐานภาษีเพียงแค่ 11 ล้านคน และมีเพียง 4 ล้านคน ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อย

โดยทางกรมสรรพากรยังมีแนวทางการปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ในปัจจุบันกำหนดอัตราการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 7% ซึ่งอาจมีการพิจารณาภาษีขึ้นเป็น 10% ตามเพดานกฎหมาย เพื่อเพิ่มงบประมาณสำหรับการลงทุนและการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และอาจมีการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลจากอัตราขั้นบันได้เป็นอัตราเดียว

ทั้งนี้ ทุก ๆ มาตรการ ยังอยู่ในระหว่างการทบทวนและการพิจารณาของทางกรมสรรพากร ว่าจะปรับเกณฑ์การชำระภาษีหรือปรับเพดานภาษีอะไรบ้าง นอกจากนี้ อาจจะมีภาษีตัวใหม่เข้ามาในระบบ เช่น การเสียภาษีจากกำไรในสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Cryptocurrency เป็นต้น

แนวทางการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรในอนาคต

มัดรวมการปฏิวัติการจัดเก็บภาษี ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล

นอกเหนือจากประเด็นของ Tax Administration 3.0 ที่เป็นแนวคิดของทางกรมสรรพากรแล้ว ยังมีบริการด้านดิจิทัลอื่น ๆ อีกหลายรายการที่น่าสนใจ ที่จะเข้ามามีบทบาทในอนาคต โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีและ AI เข้ามาในระบบการจัดเก็บภาษีและการบริการที่ครบวงจร เพื่อก้าวเข้าสู่ Tax Administration 3.0 ในอนาคต

1. การบริการดิจิทัลที่ครบวงจร

โดยเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 40 ปี พร้อมการปรับจากการให้บริการแบบ Developer ให้กลายเป็น Platform ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดคือ บริการ e-Tax Invoice หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ที่เติบโตถึง 7 เท่า ภายใน 4 ปี ทั้งยังได้รับการตอบรับที่ดีจากภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการเข้าร่วมกับโครงการภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการ Easy E-Receipt สำหรับลดหย่อนภาษีในปี 2567 และ 2568 ที่ผ่านมา

2. การบูรณาการข้อมูล เพื่อปิดช่องว่าง

การพัฒนาของทางกรมสรรพากรยังมีการบูรณาการด้านข้อมูลข่าวสารที่ครบวงจร โดยเฉพาะข้อมูลธุรกรรมจากสถาบันการเงิน รวมถึงข้อมูลจากแพลตฟอร์มออนไลน์ และครอบคลุมไปถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับต่างประเทศ เพื่อปิดช่องว่างด้านข้อมูลที่ผิดพลาดหรือไม่ถูกต้อง

3. การใช้ AI เพื่อตรวจสอบการเลี่ยงภาษี

อีกหนึ่งแนวคิดการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ขาดไม่ได้คือ การนำ AI เข้ามาใช้ในการตรวจสอบการเลี่ยงภาษี โดยจะนำปัญญาประดิษฐ์ไปใช้วิเคราะห์ความเสี่ยงของผู้ที่ลบเลี่ยงภาษีโดยอัตโนมัติ พร้อมใช้ AI ในการตรวจสอบความถูกต้องของใบกำกับภาษี และยังมีการร่วมมือกับทาง OECD เพื่อจัดการเศรษฐกิจเงา (Shadow Economy) หรือก็คือกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบของทางภาครัฐ และไม่มีฐานข้อมูลในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย

4. การตามติดบริษัทข้ามชาติ

สำหรับแนวคิดสรรพากรยุคใหม่อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญก็คือ การตามติดบริษัทข้ามชาติ โดยเฉพาะการติดตามการถ่ายโอนกำไร พร้อมการใช้รายงาน CbCR (Country-by-Country Report) หรือก็คือการเจาะลึกระบบรายงานข้อมูลรายประเทศ เพื่อสร้างความเป็นธรรมทางภาษี โดยเฉพาะการเลี่ยงภาษีของบริษัทข้ามชาติ

การปฏิวัติการจัดเก็บภาษี ของกรมสรรพากร

สรุป

จะเห็นได้เลยว่า แนวคิดของกรมสรรพากรในยุคใหม่ มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในหลาย ๆ แง่มุม โดยเฉพาะการนำ AI มาใช้ในระบบ ทั้งการตรวจสอบกิจกรรมทางภาษี การหลักเลี่ยงภาษี หรือแม้กระทั่งเศรษฐกิจเงา ซึ่งในอนาคตก็น่าจะเห็นผลิตภัณฑ์ภาษีใหม่ ๆ ของทางกรมสรรพากรมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาระบบภาษีด้วย Tax Administration 3.0 ที่จะทำให้การเสียภาษีและชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่โยงใยกันในทุก ๆ มิติ ทั้งภาคประชาชนและภาคเอกชน รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการ และเจ้าของธุรกิจ SMEs

ทดลองใช้ฟรีได้ที่ : SMEMOVE

คู่มือการใช้งาน : HELP

 

ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่

บทความบัญชี: smemove.com/blog

Facebook: Facebook.com/smemove.th

Youtube: SMEMOVE