คำว่า “ภาษีธุรกิจเฉพาะ” เป็นหนึ่งในคำที่หลาย ๆ คน อาจจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง แต่ว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่เข้าใจว่า ภาษีธุรกิจเฉพาะ คืออะไร แล้วทำไมในแวดวงการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถึงมีภาษีธุรกิจเฉพาะเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้น ทาง SMEMOVE จะพาคุณมาเจาะลึกทุกข้อมูล ว่าภาษีธุรกิจเฉพาะคือภาษีอะไร มีกิจการไหนบ้างที่เกี่ยวข้องหรือได้รับการยกเว้นภาษีนี้
ภาษีธุรกิจเฉพาะ คืออะไร?
ภาษีธุรกิจเฉพาะ หมายถึง ภาษีที่เก็บจากกิจการบางประเภท ตามที่กฎหมายกำหนดเป็นพิเศษ โดยเป็นภาษีที่ถูกแยกออกมาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งทางกรมสรรพากรจะเป็นผู้จัดเก็บภาษีดังกล่าวนี้ ทั้งในรูปแบบของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยผู้ที่มีหน้าที่จ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะ จะต้องทำการยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ภายในวันที่ 30 นับตั้งแต่วันที่เริ่มกิจการ ด้วยการยื่นแบบคำขอ ภ.ธ.01
กิจการหรือธุรกิจต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ มีอะไรบ้าง?
- กิจการธนาคาร
- ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์
- ธุรกิจประกันชีวิต
- กิจการโรงรับจำนำ
- การประกอบการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ อาทิ การให้กู้ยืมเงินค้ำประกัน การแลกเปลี่ยนเงินตรา ฯลฯ
- การขายอสังหาริมทรัพย์ ที่นับเป็นการค้าหรือการหากำไร
- การซื้อ-ขายคืนหลักทรัพย์
- ธุรกิจอื่น ๆ ที่กำหนด อาทิ ธุรกิจแฟ็กเตอริง (Factoring)
ธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์ กับภาษีธุรกิจเฉพาะ
สำหรับผู้ที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะที่เห็นได้บ่อย ๆ ก็คือ ธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์ ที่ถือว่าเป็นการค้าหรือการหากำไรจะต้องเป็นอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมอย่างชัดเจน ประกอบไปด้วย
- การจัดสรรที่ดินขาย
- การขายห้องชุด หรือคอนโด
- การขายอาคาร หรืออาคารพร้อมที่ดิน
- การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เข้าตามข้อ 1 – 3 แต่เฉพาะกรณีที่มีการแบ่งขาย หรือแบ่งแยกไว้เพื่อขาย
- การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ขายมีไว้ในการประกอบกิจการ
- การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เข้าข่ายทั้ง 5 ข้อดังกล่าว แต่ว่าได้กระทำภายใน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อสังหาริมทรัพย์นั้นมา
โดยอัตราการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะดังกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็น ที่ดิน ขายบ้าน หรืออสังหาริมทรัพย์ใด ๆ ก็ตาม หากถือครองอสังหาริมทรัพย์น้อยกว่า 5 ปี จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่หากถือครองมานานกว่า 5 ปี (นับแบบวันชนวัน) หรือว่ามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนานมากกว่า 1 ปี จะได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยจะคิดในอัตราร้อยละ 3.3 ของราคาซื้อขาย หรือราคาประเมิน โดยจะยึดราคาที่สูงกว่าสำหรับการใช้เป็นเกณฑ์การคำนวณ โดยสูตรการคำนวณสามารถใช้ง่าย ๆ ดังนี้
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ = [รายรับก่อนหักรายจ่าย หรือราคาประเมิน x อัตราภาษี 3%] x อัตราภาษีท้องถิ่น 10%
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ = รายรับก่อนหักรายจ่าย หรือราคาประเมิน x อัตราภาษี 3.3%
การขายอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับ “การยกเว้น เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ”
ถึงแม้ว่าการขายอสังหาริมทรัพย์จะเป็นธุรกิจที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่ว่าก็ยังมีข้อยกเว้นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การถูกเวนคืน การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางมรดก การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองโดยไม่มีค่าตอบแทน หรือการโอนให้แก่ทายาทโดยธรรม การขายอสังหาหลังจาก 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้มา และการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นสถานที่อยู่อันเป็นแหล่งสำคัญ ที่ผู้ขายมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่า 1 ปี
เพราะฉะนั้น หากใครที่ต้องการขายอสังหาริมทรัพย์ ก็สามารถได้รับการยกเว้นการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะได้ เช่น หากขายบ้านที่ได้รับมาจากมรดก และได้ถือครองอสังหาริมทรัพย์ หรือเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์นั้นเกินกว่า 5 ปี ก็ไม่ได้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภาษีขายบ้าน) เป็นต้น และถึงแม้ว่าจะได้รับการยกเว้นการเสียภาษี แต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย, ค่าอากรแสตมป์ และค่าธรรมเนียมการโอน ดังนั้น ผู้ที่ต้องการขายบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ต้องวางแผนให้ดี และอย่าลืมศึกษารายละเอียดภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ให้ละเอียดทุกครั้ง
สรุป ฐานและอัตราภาษี สำหรับภาษีธุรกิจเฉพาะ
เมื่อเราทำความเข้าใจกับ ภาษีธุรกิจเฉพาะ กันไปบ้างแล้ว เราจะมาดูกันว่า ฐานภาษีที่ใช้คำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะนั้นมีฐานอยู่ที่เท่าไหร่บ้าง ซึ่งการคำนวณจะใช้รายรับก่อนหักค่าใช้จ่าย โดยนับทั้งจากในและนอกราชอาณาจักร ซึ่งจะคำนวณจากรายรับของธุรกิจแต่ละประเภทที่กำหนดเอาไว้ตามกฎหมาย แล้วนำไปคูณด้วยอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งทาง SMEMOVE ได้สรุปเอาไว้ให้แล้ว ว่าธุรกิจใดต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่บ้าง ดังนี้
สาระน่ารู้! การยื่นภาษีธุรกิจเฉพาะ สำหรับผู้ที่ต้องเสียภาษี
สำหรับการยื่นภาษีธุรกิจเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นกิจการใด ๆ ก็ตาม หากเข้าเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงการขายอสังหาริมทรัพย์ ที่ก็ถูกจัดอยู่ธุรกิจที่ต้องเสียภาษีดังกล่าวนี้ จะต้องดำเนินการยื่นแบบภาษีธุรกิจเฉพาะให้เรียบร้อย และต้องเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เพื่อใช้ประกอบการยื่นนั่นเอง
เอกสารที่ใช้สำหรับการยื่นภาษีธุรกิจเฉพาะ
- รายงานแสดงรายรับทั้งหมดก่อนหักรายจ่าย โดยจะต้องจัดทำรายงานแบบรายวัน และจะต้องสรุปรายการทุกสิ้นเดือน
- รายงานจะต้องจัดทำเป็นรายสถานประกอบการ และลงรายการให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน นับตั้งแต่ที่มีรายการดังกล่าวเกิดขึ้น
- การจัดเก็บรายงานจะต้องเก็บเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยจะนับตั้งแต่วันที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือวันจัดทำรายงานนก็ได้เช่นเดียวกัน
How-To การยื่นภาษีธุรกิจเฉพาะ
- ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ จะต้องยื่นแบบแสดงรายการด้วยแบบ ภ.ธ.40
- จะต้องแสดงประเภทกิจการ จำนวนเงินรายรับ จำนวนเงินภาษี และภาษีท้องถิ่นร้อยละ 10
- ไม่ว่าจะมีรายรับในเดือนนั้น ๆ หรือไม่ ก็ต้องยื่นแบบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
- สามารถยื่นภาษีธุรกิจเฉพาะได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในท้องถิ่น หรือทางออนไลน์ก็ได้
- หากยื่นทางออนไลน์สามารถขยายเวลายื่นและชำระภาษีออกไปได้อีก 8 วัน
- หากภาษีในเดือนภาษีใดไม่ถึง 100 บาท ผู้ประกอบการ “ไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ” ในเดือนนั้น
- ถึงแม้ว่าไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในเดือนภาษีนั้น แต่ยังคงต้องยื่นแบบแสดงรายการเช่นเดิม
จะเห็นได้เลยว่า ภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นหนึ่งในภาษีที่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะภาษีธุรกิจเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการขายอสังหาริมทรัพย์ ที่จะมีข้อยกเว้นภารเสียภาษีอยู่บ้าง ทั้งนี้ หากใครที่ทำธุรกิจและต้องการทำเอกสารทางธุรกิจที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และมีระบบที่ครอบคลุมทุกการบริหารจัดการภายในองค์กร สามารถเลือกใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ SMEMOVE ได้ ด้วยแพ็กเกจสุดคุ้มที่เหมาะสมกับทุกธุรกิจ และที่สำคัญคือ มีความปลอดภัยมากกว่า ด้วยการบันทึกข้อมูลบน Google Cloud โดยเฉพาะ
ทดลองใช้ฟรีได้ที่ : SMEMOVE
คู่มือการใช้งาน : HELP
ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่
บทความบัญชี: smemove.com/blog
Facebook: Facebook.com/smemove.th
Youtube: SMEMOVE