เช็กความพร้อมก่อนจดทะเบียนบริษัท

By posted on August 16, 2019 9:45AM

เมื่ออยากเริ่มต้นทำธุรกิจสักอย่าง บ้างก็ว่าให้รีบจดทะเบียนบริษัทไว้ก่อน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ยิ่งบริษัทมีอายุการจัดตั้งนานๆ ยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือมาก บ้างก็ว่าอย่าเพิ่งรีบจดบริษัทเพราะจะมีค่าใช้จ่ายตามมามากมาย จริงๆแล้วควรจะทำอย่างไหร่และแล้วเมื่อไหร่ถึงจะควรจดทะเบียนบริษัท วันนี้มาเช็คความพร้อมกันนะ

  1. ค่าใช้จ่าย เรื่องเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายน่าจะเป็นสิ่งแรกที่ผู้ต้องการจดบริษัทคำนึงถึง ซึ่งได้แก่ ค่าจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ที่ต้องจ่ายให้กรมพัฒนาธุรกิจและการค้า ประมาณ 10,000-15,000บาท ค่าเช่าสำนักงาน ค่าจ้างพนักงาน ค่าจ้างทำบัญชีและสอบบัญชี ค่าวัสดุสิ้นเปลืองสำนักงาน เป็นต้น ส่วนเงินลงทุนนั้นจะต้องมีเงินสดเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งหากเงินเก็บไม่เพียงพอ ก็จำเป็นต้องแปลงสินทรัพย์เป็นทุน เช่นบ้าน รถ บัตรเครดิต เป็นต้น เป็นความพร้อมข้อแรกที่ต้องมี
  2. ความรู้ แค่อยากทำธุรกิจแล้วเปิดบริษัทไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากต้องการให้บริษัทนั้นยั่งยืนควรที่จะมีความรู้ในเรื่องภาษี บัญชี และที่สำคัญควรมีความรู้ด้านธุรกิจด้วย เป็นอีกความพร้อมที่ส่งผลต่อการประสบความสำเร็จในธุรกิจ
  3. ลูกค้า ความจำเป็นด้านลูกค้าอาจจะมาก่อนความพร้อม ก่อนความรู้ หรือก่อนค่าใช้จ่ายและเงินลงทุน บางครั้งลูกค้าก็บังคับกลายๆให้เปลี่ยนจากธุรกิจเจ้าของเดียวมาเป็นบริษัท เพราะลูกค้าต้องการใบเสร็จหรือใบกำกับภาษี การออกใบเสร็จในนามบริษัทสร้างความน่าเชื่อถือมากกว่าในนามบุคคล ดังนั้นหากมีลูกค้าในมือและมองเห็นการเติบโตในระยะยาว การจดเป็นบริษัทนิติบุคคลมีความจำเป็นอย่างมาก
  4. ต้องการใช้ประโยชน์จากบริษัท จุดเด่นของบริษัทคือความน่าเชื่อถือ บางทีหากจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากความน่าเชื่อถือเพื่อการหาตลาดและลูกค้า ก็ต้องจดทะเบียนเป็นบริษัท อย่างเช่น ฟรีแลนซ์(Freelance)ที่ต้องดิวงานกับนิติบุคคล ต้องใช้ความน่าเชื่อถือในรูปแบบบริษัทเพื่อช่วยในการติดต่อประสานงาน ประมูลงาน และรับงาน
  5. ภาษี รายได้สุทธิเท่าไหร่จึงควรจดทะเบียนบริษัทเพื่อช่วยประหยัดภาษี เพียงแต่การเทียบจำนวนเงินภาษีระหว่างบุคคลธรรมดาและบริษัทนั้นไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจจดทะเบียนบริษัท เพราะการเป็นบริษัทจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆด้วย ได้แก่ ค่าจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ค่าใช้จ่ายจริงในการประกอบกิจการ ค่าใช้จ่ายในการทำบัญชี ค่าใช้จ่ายในการสอบบัญชี ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการด้านเอกสาร เป็นต้น ดังนั้นตัวเลขของบริษัทที่จะไปเปรียบเทียบกับภาษีบุคคลธรรมดาต้องบวกเพิ่มค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ก่อน และถ้าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงกว่าในปริมาณสูงพอสมควรถึงจะพิจารณาจดทะเบียนบริษัท

สรุปว่าไม่ว่าจะมีความจำเป็นในการจัดตั้งบริษัทมากแค่ไหน ความพร้อมอย่างแรกที่ควรจะคำนึงถึงคือเรื่องค่าใช้จ่าย ความรู้ที่ควรมีคือควรรู้ว่าหลังจากเปิดบริษัทแล้วจะมีภาระหน้าที่อะไรบ้างที่บริษัทต้องทำตามกฎหมาย เพราะไม่ว่าจะจัดตั้งบริษัทเพื่อประโยชน์อะไร การมีบริษัทจะสร้างภาระหน้าที่เพิ่มให้กับเราอีกมากมาย และสิ่งที่ควรพิจารณาอย่างยิ่งคือความคุ้มค่าที่ได้รับจากการเปิดบริษัท  หากเปิดบริษัทมาแล้วไม่มีความคุ้มค่า การยกเลิกบริษัทจะยุ่งยากยิ่งกว่า เพราะเสียทั้งเงินและเวลา เรียกว่าจดง่ายเลิกยาก จึงอยากให้คิดให้หนัก ๆ

ก่อนจะเปิดบริษัท และที่สำคัญควรเลือกโปรแกรมบัญชีที่ใช้ด้วย เพราะถ้าคุณเลือกไม่ดีแล้ว การทำบัญชีและเอกสารอาจจะล่าช้า หรือมีข้อผิดพลาดได้ ดังนั้น ทางเรามีโปรแกรมบัญชีที่สามารถทดลองใช้ฟรีมานำเสนอ และให้ข้อมูลทางการเงินแบบ REAL-TIME ด้วย นั่นก็คือโปรแกรม SMEMOVE ที่จะทำให้การทำบัญชีทุกครั้งง่ายและสะดวกจนลืมวิธีการทำบัญชีแบบเดิม ๆ ไปได้เลย

ทดลองใช้ฟรีได้ที่ : SMEMOVE

คู่มือการใช้งาน : HELP

ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่

บทความบัญชี: smemove.com/blog

Facebook: Facebook.com/smemove.th

Youtube: SMEMOVE