ความลับของความสำเร็จจาก CEO ชื่อดังอย่าง Jeff Bezos, Mark Zuckerberg, Susan Wojcicki และอื่น ๆ อีกมากมาย

By posted on August 16, 2019 1:27PM

ความสำเร็จไม่ได้มาเปล่า ๆ  รู้ไหมว่า CEO บริษัทดัง ๆ ในต่างประเทศนั้นต่างทำงานกันอย่างเต็มที่ในแต่ละวัน มีผลการสำรวจระบุเอาไว้ว่า CEO ทำงานสัปดาห์หนึ่งเฉลี่ย 58 ชั่วโมงทั้งวันธรรมดาและวันหยุด โดยหากอ้างอิงจาก Time แล้ว จะพบว่าการทำงานในแต่ละวันนั้น CEO ส่วนใหญ่ทำงานถึงวันละ 11 ชั่วโมง แถมด้วยวันหยุดอีก 6 ชั่วโมง การที่ใช้เวลาทำงานมากเช่นนี้ทำให้ CEO ต่างมีเวลามากกว่าที่จะทำให้งานของตัวเองสัมฤทธิ์ผล ลองมาดูกันว่าเวลาที่ CEO ทำงานนั้น พวกเขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำอะไรบ้าง

  1. คิดตัดสินใจในเรื่องที่มีผลติดตามต่อเนื่อง

Jeff Bezos หรือ CEO ของทั้ง Amazon และเจ้าของหนังสือพิมพ์ Washington Post จำเป็นต้องใช้เวลามากในแต่ละวัน เพื่อที่จะตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ที่เขาจำเป็นต้องทำมากมาย แต่การเลือกตัดสินใจอะไรลงไปนั้นเป็นเรื่องที่ใช้เวลาเป็นอย่างมากในแต่ละเรื่อง ทาง Jeff Bezos เลยคิดวิธีการ 4 วิธีเพื่อช่วยตัดสินใจ เพื่อทำให้การตัดสินใจนั้นดีที่สุด โดยตัวช่วยตัดสินใจ 4 วิธีของ Jeff Bezos มีดังต่อไปนี้

  • การตัดสินใจอย่างหนึ่งอาจจะไม่เหมาะกับงานทุกอย่าง สิ่งหนึ่งที่ Jeff Bezos บอกเอาไว้ก็คือ งานแต่ละอย่างนั้นต่างมีวิธีการตัดสินใจที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไป การตัดสินใจบางอย่างทำให้คิดวนกลับได้ ดังนั้น การตัดสินใจทั้งหลายไม่ได้เหมือนกันทุกอย่าง และบางครั้งการตัดสินใจที่เคยทำไปแล้วครั้งหนึ่งก็นำมาใช้ตัดสินใจงานอีกงานหนึ่งได้เช่นเดียวกัน ซึ่งนั่นทำให้กระบวนการตัดสินใจนั้นใช้เวลาน้อยลงและได้ผลดีอีกด้วย
  • การตัดสินใจที่ดีนั้นอย่างน้อยควรจะทำเมื่อมีข้อมูลในการตัดสินใจมากกว่า 70% ขึ้นไป (และต้องมั่นใจว่าข้อมูลนั้นเหมาะกับงานที่ท่านตัดสินใจนั้น ๆ ด้วย) อย่ารอให้ข้อมูลที่ท่านจะใช้ตัดสินใจเกิน 90% เพราะนอกจากจะเสียเวลารอแล้ว มันอาจจะทำให้งานท่านช้าลงอีกด้วย
  • พยายามใช้คำว่า “ไม่เห็นด้วยและยอมรับ” ข้อความดังกล่าวนี้จะช่วยให้ท่านประหยัดเวลาเป็นอย่างมาก สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องตระหนักไว้ก็คือ ท่านคือพ่อ (แม่) ของงาน ตัวอย่างการใช้ประโยคดังกล่าวกับลูกน้องนั้น อย่างเช่น “ผมรู้ว่าส่วนมากเราไม่เห็น แต่ท่านพร้อมที่จะเสี่ยงไปกับการตัดสินใจของผมหรือเปล่า” ซึ่งแน่นอนว่าประโยคนี้อาจจะทำให้ลูกทีมท่านเกิดความสับสน แต่ถ้าท่านมีวิสัยทัศน์และการพูดเกลี้ยกล่อมที่ดี แม้ว่าทีมงานท่านยังไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่งานนั้นจะเริ่มได้อย่างรวดเร็ว และไม่นานนักทีมงานท่านจะเห็นผลสำเร็จของงาน
  • ท้ายสุดคือท่านต้อง “ตระหนักถึงปัญหาการจัดตำแหน่งที่แท้จริง” เมื่อทำงานไปได้สักพัก ท่านจะเห็นได้ว่างานบางอย่างไม่เหมาะกับบุคคลทุกคน ซึ่งการเริ่มต้นงานที่เร็วนั้นย่อมทำให้ท่านจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว ท่านสามารถย้ายคนไปสู่ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด เพื่อที่จะทำให้งานทุกส่วนนั้นสำเร็จไปได้ด้วยดี

2. หาจังหวะท่านให้ดี

Jack Dorsey ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ทั้ง Twitter และ Square ทำงานวันละ 16 ชั่วโมง โดย Jack Dorsey จะตั้งเป้าหมายการทำงานในแต่ละวันของสัปดาห์หนึ่ง ๆ เอาไว้ว่าเขาจะทำงานอย่างไร ซึ่งในวันสุดท้ายของสัปดาห์นั้นเขาจะได้รับผลสะท้อนของงาน เสียงตอบรับ กลยุทธ์ใหม่ ๆ สำหรับการทำงานในแต่ละบริษัทนั้น ซึ่งตัวเขาเองบอกเอาไว้ว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเข้าใจทีมงานและไว้เนื้อเชื่อใจทีมงานก่อน เพื่อที่จะทำให้สิ่งที่ได้รับมานั้นนำมาประยุกต์ใช้สำหรับสัปดาห์ต่อ ๆ ไป

Sallie Krawcheck

3. เข้าทำงานเป็นคนแรก

Sallie Krawcheck CEO ของ Ellevest บอกเอาไว้ว่าถ้าอยากให้งานลุล่วงไปด้วยดี ผู้ที่เป็นหัวเรือของบริษัทควรเข้าทำงานก่อนลูกน้องทั้งหมด โดย Sallie Krawcheck เข้าทำงานในทุกตอนเวลา 4 นาฬิกา ที่เธอทำได้เช่นนั้นเนื่องจากว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงเวลาที่สมองเธอแจ่มใสและพร้อมคิดตัดสินใจมากที่สุด แถมช่วงเวลาดังกล่าวยังทำให้เธอมีไอเดียดี ๆ เกิดขึ้นมา เพื่อที่จะใช้ในการทำงานต่อไป

4. ปกป้องเวลาของท่าน

ท่านจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปกป้องเวลาทำงานของท่านไว้สำหรับทำสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ ก่อนที่จะไปพบกับงานในส่วนอื่น ๆ อย่างเช่น Keller Williams Realty บริษัทที่ประสบความสำเร็จจากผู้ก่อตั้งนาม Gary Keller ซึ่งบอกเอาไว้ว่าเขาใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงต่อวันก่อนที่จะเริ่มงานจริง ๆ เพื่อหาสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดในการจัดการของวันนั้น ๆ โดยในเวลา 4 ชั่วโมงนั้นเขาจะเลือกงานขึ้นมาทำเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งตัวเขาเองถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมากในการที่จะทำงานทั้งหมดให้สำเร็จ สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยสำหรับเรื่องนี้ก็คือ การตั้งความสำคัญสำหรับงานว่าควรจะทำอย่างใดก่อนและอย่างใดหลัง

5. ปิดประตูการติดต่อเสมือนทั้งหมดก่อนที่จะเริ่มต้นทำงานอย่างแท้จริง

การทำงานในยุคดิจิทัลนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณจะได้รับอีเมลต่าง ๆ เพื่อติดต่อสื่อสารในเรื่องของงาน อย่างเช่น Michael Pryor ผู้ก่อตั้งและ CEO และยังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้จัดการโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งตัวเขาเองได้ระบุเอาไว้ว่าบางครั้งหากเรามัวแต่เปิดอีเมลงาน เพื่อดูสิ่งต่าง ๆ ที่ทีมงานส่งมานั้น คุณจะไม่มีเวลาพิจารณางานใดงานหนึ่งให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีออกมาก่อน ต้องไม่ลืมว่าเราทุกคนมีเวลาจำกัด ดังนั้น การต้องเปิดอีเมลเพื่อแก้ไขทุกงานที่ได้รับมานั้นย่อมไม่เป็นผลดีต่อการทำงานให้สำเร็จผลอย่างแน่นอน

Susan Wojcicki

6. แยกชีวิตส่วนตัวกับการทำงานออกจากกันให้เด็ดขาด

CEO ของ YouTube อย่าง Susan Wojcicki นั้นบอกเอาไว้ว่าการทำงานแค่อย่างเดียวนั้นไม่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ ดังนั้น เธอจึงแยกเวลาการทำงานและเวลาที่ต้องให้กับที่บ้านออกจากกัน เมื่อเธอเลิกงานแล้ว เธอจะไม่เปิดอีเมลเพื่อตรวจดูงานเลยในช่วง 18 นาฬิกา ไปจนถึง 21 นาฬิกา นอกจากนั้น เธอยังรับประทานอาหารที่บ้านทุกวัน เพื่อที่จะได้อยู่พร้อมกันกับครอบครัว สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ เธอได้บอกเอาไว้ว่าหากคุณทำงานตลอด 24/7 นั้น เชื่อได้เลยว่าคุณจะไม่มีไอเดียดี ๆ สำหรับการทำงานเกิดขึ้นแน่นอน การพักผ่อนจากงานนั้นจึงกลายมาเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อที่สมองของคุณจะได้สดใสพร้อมที่จะทำงานต่อไปได้

7. พยายามทำให้อีเมลของคุณถูกอ่านให้หมดในแต่ละวัน

Elliot Weissbluth ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ HighTower นั้นจะพยายามทำให้อีเมลของเขาเป็น 0 ทุกวันก่อนที่จะเข้านอน เพราะจะว่าไปแล้วบางอีเมลอาจจะไม่สำคัญไปทั้งหมด แถมบางอีเมลไม่จำเป็นอย่างมากในการอ่าน ซึ่งนั่นทำให้เสียเวลาเข้าไปใหญ่ ทั้งนี้ Elliot Weissbluth ได้บอกแนวทางในการทำอีเมลให้เป็น 0 ทุกวัน 3 ข้อ ดังต่อไปนี้

  • เลิกรับอีเมลข่าวสารจากเว็บไซต์ต่าง ๆ : คงมีหลายคนที่ได้เข้าไปเลือกรับอีเมลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เอาไว้มาก ซึ่งอีเมลดังกล่าวนั้นอาจจะไม่มีสาระกับงานของคุณเลย ดังนั้น ให้เลือกรับอีเมลข่าวสารจะช่วยให้คุณสามารถทำให้กล่องอีเมลว่างได้เป็นอย่างมาก
  • ลบอีเมลบางส่วนทิ้ง : แม้ว่าอีเมลจะมาจากคนสำคัญหรือทีมงานของคุณเองก็ตาม ขอให้คิดไว้เสมอว่าหากอีเมลดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญแล้ว เชื่อได้ว่าผู้ส่งจะส่งเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นแล้วคุณค่อยจัดการกับสิ่งที่อยู่ในอีเมลก็ยังไม่สาย
  • ใช้ฟีเจอร์ค้นหาอีเมลให้เป็น : ฟีเจอร์การค้นหาอีเมลนั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่ควรใช้เป็นอย่างยิ่ง เพราะมันจะทำให้คุณค้นหาได้ว่าสิ่งที่คุณต้องการนั้นมันเป็นอีเมลอะไร ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือการใช้ฟีเจอร์นี้ยังจะเป็นการลดเวลาในการเข้าถึงอีเมลให้กับคุณด้วย

8. ทำสิ่งที่ง่ายก่อนเสมอ

คนส่วนมากมักจะทำงานจากสิ่งที่จัดการได้ยาก ๆ ก่อนที่จะทำงานกับสิ่งที่จัดการได้ง่าย ๆ ทว่า นี่ไม่ใช่วิธีจัดการงานของ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Facebook ที่บอกเอาไว้ว่า ตัวเขาเองนั้นเชื่อว่าการจัดการสิ่งที่ง่ายก่อนจะทำให้คุณมีเวลามากขึ้นในการที่จะจัดการกับงานยาก ๆ ต่อไป ทุกปัญหานั้นมีความง่ายและยากแตกต่างกันออกไป ซึ่งถ้าคุณมัวแต่เอาเวลาของคุณไปแก้ปัญหายาก ๆ ก่อน ผลสุดท้ายคุณจะพบว่างานง่าย ๆ ที่จำเป็นต้องทำเช่นเดียวกันมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็กลายเป็นดินพอกหางหมู

9. ปิดเสียงโทรศัพท์ของคุณเอาไว้

Ivan Mazour ผู้ก่อตั้งและ CEO ของทาง Ometria ได้บอกเอาไว้ว่า ถ้าโทรศัพท์คุณดังและคุณรับขึ้นมาเพื่อคุยกับปลายสาย นั่นแสดงว่าคุณคุยกับปลายสายในเวลาที่เขาว่างไม่ใช่เวลาที่คุณว่าง แต่ถ้าคุณปิดเสียงโทรศัพท์เอาไว้ คุณจะกลายเป็นผู้ควบคุมเวลาต่าง ๆ ในการใช้โทรศัพท์เอาไว้กับตัวของคุณเอง และคุณยังสามารถเลือกที่จะจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับโทรศัพท์ของคุณได้เมื่อคุณว่าง วิธีดังกล่าวนี้จะช่วยให้คุณมีสมาธิมากที่สุดกับงานตรงหน้า อีกทั้งยังสามารถจัดการกับเวลาได้อีกด้วย (เขาได้แนะนำช่วงเวลาที่ควรปิดเสียงโทรศัพท์มาด้วย อย่างเช่น ตอนที่คุณกำลังประชุมงานอยู่ เป็นต้น)

เห็นไหมว่าการทำงานที่ดีนั้นควรแบ่งแยกเวลา ความรับผิดชอบ และลำดับความสำคัญให้ดีจึงจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ แต่จะดีกว่าถ้ามีโปรแกรมที่ทำให้งานของคุณทำงานได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น นั่นก็คือโปรแกรม SMEMOVE คือโปรแกรมบัญชี ALL-IN-ONE ที่ทำตั้งแต่ทำบัญชี ภาษี สต็อกสินค้า และเงินเดือน ที่สำคัญราคาประหยัด แถมมีระบบแจ้งเตือนต่าง ๆ ทำให้คุณไม่ลืมงานสำคัญอีกด้วย

ทดลองใช้ฟรีได้ที่ : SMEMOVE

คู่มือการใช้งาน : HELP

ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่

บทความบัญชี: smemove.com/blog

Facebook: Facebook.com/smemove.th

Youtube: SMEMOVE