นอกจากการสมทบเงินเข้ากองทุนประกันสังคมแล้ว สิ่งที่นายจ้างต้องทำทุก ๆ ปี คือ การยื่นแบบแสดงค่าจ้าง กท. 20 ก ผ่านระบบ e-wage ของประกันสังคม เพราะฉะนั้น SMEMOVE จะพาคุณมาทำความรู้จักกับกองทุนเงินทดแทน หรือ กท. 20 ก กันให้มากขึ้น ว่าคืออะไร ทำหน้าที่อย่างไรบ้าง แล้วมีความสำคัญยังไง ต่อนายจ้างและลูกจ้าง พร้อมขั้นตอนการยื่นแบบรายงานค่าจ้างฉบับเจ้าใจง่าย สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ หรือเจ้าของธุรกิจ SMEs
แบบแสดงค่าจ้าง กท. 20 ก คืออะไร?
คำว่า กท. ย่อมาจาก กองทุนเงินทดแทน ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ว่านายจ้างจะต้องจ่ายเงินเพื่อเป็นทุนให้กับลูกจ้างสำหรับการจ่ายเงินทดแทน โดยเฉพาะในยามที่ลูกจ้างเกิดเหตุหรือประสบอันตราย เจ็บป่วย หรือถึงแก่ความตาย รวมถึงการสูญเสียจากการทำงานให้นายจ้าง ซึ่งจะแตกต่างจากกองทุนประกันสังคม เพราะกองทุนเงินทดแทนจะเป็นการสมทบจากทางฝั่งของนายจ้างฝ่ายเดียว ไม่ใช่การสมทบร่วมกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
เพราะฉะนั้น แบบ กท. 20 ก ก็คือแบบฟอร์มที่ใช้สรุปค่าจ้างประจำปีของกองทุนเงินทดแทน จากค่าจ้างของพนักงานตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนธันวาคมของทุกปี โดยกำหนดการยื่นแบบ จะต้องดำเนินการยื่นภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี พร้อมกับชำระเงินส่วนต่าง ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของทุกปีเช่นกัน ซึ่งนายจ้างสามารถยื่นแบบออนไลน์ได้ผ่านทางระบบ e-wage ได้เลย
ระบบ e-wage คืออะไร?
ระบบ e-wage ก็คือ บริการออนไลน์ของสำนักงานประกันสังคม ที่ให้นายจ้างใช้ยื่นแบบ กท. 20 ก ผ่านอินเทอร์เน็ตได้ง่าย ๆ โดยเข้าใช้บริการได้ที่ www.sso.go.th ซึ่งตัวระบบ e-wage จะเปิดให้เข้าไปกรอกข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมของทุกปี ไปจนถึงวันสุดท้ายของการยื่นแบบ
การยื่นแบบ กท. 20 ก มีข้อดีอย่างไรบ้าง?
การยื่นแบบ กท. 20 ก หรือเงินกองทุนเงินทดแทน ที่นายจ้างจะต้องดำเนินการทุก ๆ ปี ตามกฎหมายแรงงานนั้น มีข้อดีหลายส่วนมาก ๆ หนึ่งในนั้นคือ ลูกจ้างหรือพนักงานจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทน โดยสิทธิประโยชน์จาก กท. 20 ก จะถูกนำไปใช้คำนวณสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่พนักงานจะได้รับ อาทิ เงินทดแทนกรณีพนักงานเจ็บป่วย อุบัติเหตุ และ/หรือเสียชีวิต ส่วนในฝั่งของนายจ้างเอง ก็จะได้ประโยชน์คือ เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน และกฎหมายประกันสังคมนั่นเอง
การคำนวณรายงานค่าจ้าง ก่อนยื่นแบบ กท. 20 ก
ในการคำนวณรายงานค่าจ้างนั้น นายจ้างจะต้องคำนวณจากฐานค่าจ้างที่นายจ้างจ่ายจริง แต่ไม่เกิน 240,000 คนต่อปี โดยคูณกับอัตราเงินสมทบ ทั้งนี้ การคำนวณหาตัวเลขสำหรับกรอกแบบ กท. 20 ก สามารถดำเนินการได้ง่าย ๆ ดังนี้
- ตัวเลขค่าจ้างรายเดือน/รายวัน ของลูกจ้างที่ได้รับต่ำที่สุด
- จำนวนลูกจ้าง ณ วันที่ 31 ธันวาคม ของปีที่ผ่านมา
- ค่าจ้างสุทธิที่แจ้งเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 20,000 บาท/เดือน/คน รวมตลอดทั้งปี (หรือ 240,000 บาท/ปี)
เพราะฉะนั้น ฝ่าย HR หรือผู้ที่มีหน้าที่ยื่นแบบ กท. 20 ก จะต้องสรุปข้อมูลลูกจ้าง รวมถึงการจ่ายค่าจ้างยอดหลังในปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมเงินเดือนด้วยก็ได้ เพราะจะทำให้เห็นตัวเลขที่ชัดเจนมากขึ้น และมีข้อมูลที่แม่นยำที่สุด ในการกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มออนไลน์ของการยื่นแบบ กท. 20 ก นั่นอง
ขั้นตอนการยื่นแบบ กท. 20 ก ทำยังไงบ้าง?
- เข้าสู่ระบบ e-wage ผ่านเว็บไซต์ของ SSO E-Service หรือ https://www.sso.go.th/eservices/esv/index.jsp
- เมื่อเข้าสู่ระบบมาแล้ว ให้กรอกชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน แล้วกด “ตกลง” เพื่อเข้าสู่ระบบ
- หลังจากที่เข้าสู่ระบบมาแล้วจะเห็นเมนู “กองทุนเงินทดแทน” ให้เลือกเมนูนี้เพื่อยื่นแบบได้เลย
- ในหน้าบริการจะมีเมนู “e-wage รายงานค่าจ้าง” ให้กดที่เมนูนี้เพื่อกรอกข้อมูล
- เลือก “บันทึกรายงานค่าจ้าง” โดยจะมีรายละเอียดให้กรอกในหน้านี้ ทั้งตัวเลขค่าจ้าง, จำนวนลูกจ้าง และค่าจ้างสุทธิ (แจ้งเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 20,000 บาท/คน/เดือน)
- เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว ระบบจะคำนวณเงินสมทบที่ทางนายจ้างต้องจ่ายเพิ่มเติม พร้อมกับสร้างใบแจ้งเงินสมทบ จากการรายงานค่าจ้างประจำปี กองทุนเงินทดแทน หรือ กท. 26 ค มาให้
- หากมีเงินสมทบที่ต้องจ่ายเพิ่มเติม ระบบจะออกใบ pay-in มาให้ชำระส่วนต่างด้วย
สรุป
จะเห็นได้ว่า การยื่นแบบ กท. 20 ก หรือการสมทบเงินกองทุนเงินทดแทนของทางนายจ้าง เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นต่อลูกจ้างได้เช่นกัน ว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ก็จะยังมีเงินทดแทนตรงนี้มาช่วยซัพพอร์ต และที่สำคัญ ยังเป็นการเน้นย้ำความสำคัญของกฎหมายแรงงาน ที่นายจ้างต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน
ทดลองใช้ฟรีได้ที่ : SMEMOVE
คู่มือการใช้งาน : HELP
ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่
บทความบัญชี: smemove.com/blog
Facebook: Facebook.com/smemove.th
Youtube: SMEMOVE