หากคิดถึงการทำบัญชีสิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรลืม และต้องทำให้ได้เป็นอย่างดีคือการอ่านงบการเงิน (Financial Statement) เพราะงบการเงินคือการบันทึกกิจกรรมทางเศรษฐกิจของบริษัทที่ประกอบไปด้วยงบแสดงฐานะทางการเงินหรืองบดุล งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น ที่คุณจำเป็นจะต้องตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
ทำไมเราต้องอ่านงบการเงิน (Financial Statement) ให้เป็น?
หากจะถามว่าทำไมเราต้องอ่านงบการเงิน ให้เป็นเหตุผลก็ง่ายๆ เลยค่ะ เพราะว่าคุณจะต้องเข้าใจสถานะทางการเงินของบริษัท หรือกิจการของคุณให้ถ่องแท้ หากคุณไม่สามารถอ่านงบการเงินได้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเงินภายในบริษัทของคุณจะมีน้อยมาก ที่อาจเกิดปัญหาได้ในอนาคต
เนื่องจากงบการเงินจะเป็นตัวบ่งชี้สุขภาพทางการเงิน และตัววัดความสำเร็จภายในกิจการไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ผู้บริหารพูดให้นักลงทุนแต่ละครั้งว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่ แนวโน้มของตลาด สินค้า บริษัท จะเป็นอย่างไร ภาระหนี้สินภายในกิจการจะสูงขึ้นหรือไม่ ซึ่งคำตอบสำคัญพวกนี้ก็สามารถหาได้ง่ายๆ เพียงดูงบการเงิน หากใครยังไม่แน่ใจ หรือไม่เข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับการดูงบการเงินมากนักลองมาชมวิธีการ หรือตัวอย่างการวิเคราะห์ (Analysis Example) ในการอ่านงบด้านล่างเลยค่ะ
งบดุลอ่านอย่างไร
การรู้จัก หรือการเรียนรู้งบดุลต้องเริ่มจากสมการบัญชีที่สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ ในหนึ่งบรรทัดคือ สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของผู้ถือหุ้น และ “ดุล” ในชื่อของงบการเงิน หมายถึงทั้งสองฝั่งจะต้องเท่ากันเสมอตามระบบบัญชีคู่ หากมีความแตกต่างกันเมื่อใดทางผู้จัดทำบัญชีจะต้องหาทางแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนถึงวันปิดงบการเงิน ในการทำงบดุลของบริษัทผู้จัดทำบัญชีจะแบ่งสินทรัพย์ และหนี้สินออกเป็นหมุนเวียน และไม่หมุนเวียน
โดยใช้เกณฑ์สากลของการจัดทำบัญชีคือสินทรัพย์หมุนเวียนจะเป็นสินทรัพย์ที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี (สินทรัพย์ที่แปลงเป็นเงินสดได้เร็วเช่น เงินฝากออมทรัพย์ สินค้าคงคลัง และลูกหนี้การค้า) และสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนจะเป็นสินทรัพย์ที่มีอายุมากกว่าหนึ่งปี (สินทรัพย์ที่แปลงเป็นเงินสดได้ช้า หรือสินทรัพย์ที่ไม่มีแผนจะขายออกในเร็ววันเช่น ที่ดิน อาคาร และเครื่องจักรในการทำงาน)
ส่วนหนี้สินที่เราได้บอกว่ามีการแบ่งเป็นแบบหมุนเวียน และไม่หมุนเวียนจะใช้เกณฑ์การถึงกำหนดชำระในการแบ่งประเภทเช่น ในกรณีที่ทำการซื้อของจากลูกค้า แล้วมีกำหนดชำระภายในหนึ่งปี ก็จะถือเป็นหนี้สินหมุนเวียน และกรณีที่ทำการกู้ระยะยาวอย่างการกู้ซื้ออาคาร หรือสร้างโรงงาน หนี้สินก้อนนี้จะกลายเป็นหนี้สินไม่หมุนเวียน
และส่วนสุดท้ายส่วนของผู้ถือหุ้น ส่วนสำคัญที่จะบอกคุณว่าบริษัทของคุณมีทุนในการจดทะเบียนเท่าไร ขายหุ้นได้กำไรมากน้อยแค่ไหน และที่ผ่านมาทำกำไรเท่าไหร่ ขาดทุนสะสมแค่ไหน ซึ่งโดยปกติแล้วส่วนของผู้ถือหุ้นจะเป็นฝั่งที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงอะไร เนื่องจากความยุ่งยากเพราะต้องมีออกหุ้นเพิ่มทุน การซื้อหุ้นคืน รวมถึงการบันทึกกำไรขาดทุนของแต่ละปีหรือไตรมาส
งบกำไรขาดทุนอ่านอย่างไร
อีกหนึ่งงบที่มีความสำคัญ แต่ถือว่าไม่ยุ่งยาก หรือซับซ้อนเท่างบดุล ที่สามารถจัดทำได้โดยเริ่มที่การคำนวณรายได้ หักค่าใช้จ่าย เท่านี้ก็จะได้เป็นผลประกอบการที่มีทั้งผลกำไร และผลขาดทุน ซึ่งจะถูกแยกรายได้และค่าใช้จ่ายออกเป็นประเภทยิบย่อย เริ่มจากรายได้ที่จะแบ่งเป็นยอดขาย และรายได้อื่น โดยยอดขายจะสะท้อนการทำธุรกิจปกติของบริษัท เช่นโรงเหล็กจะมีรายได้จากการขายเหล็ก บริษัทประกันจะมีรายได้จากการขายประกัน ส่วนรายได้ที่ไม่ค่อยได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เช่นการขายที่ดิน ให้เช่าอาคาร หรือแม้แต่การเก็งกำไรหลักทรัพย์ต่างๆ จะถือว่าเป็นส่วนของรายได้อื่น
เพราะฉะนั้นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการทำธุรกิจ จะเป็นต้นทุนขาย รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ เมื่อนำยอดขายมาหักลบกลบกับทั้งสองแล้วก็จะได้กำไรขั้นต้น ที่ควรจะมีผลเป็นบวก ถ้าหากไม่เป็นบวกก็หมายความว่าธุรกิจของคุณนั้นกำลังขาดทุน แต่การขาดทุนนั้นก็มีบางกรณีที่เกิดจากการทำโปรโมชั่นต่างๆ ซึ่งจะถือว่าเป็นการขาดทุนระยะสั้น
ทั้งนี้การแยกบรรทัดและค่อยๆ หักลบไปทีละขั้นจะทำให้คุณเห็นว่าค่าใช้จ่ายที่บริษัทของคุณจ่ายไปแต่ละตัวนั้น ตัวใดบ้างที่มากเกินไป และบรรทัดสุดท้ายของงบกำไรขาดทุนจะแสดงให้คุณเห็นถึง “กำไรสุทธิ” ที่หลังจากจบงวดบัญชี ตัวเลขดังกล่าวจะถูกนำไปบวก (กรณีงวดนั้นได้กำไร) หรือหักออก (กรณีขาดทุน) จากกำไรสะสมซึ่งเป็นบรรทัดหนึ่งในส่วนของผู้ถือหุ้นในงบดุล
เทคนิคการดูงบการเงินภายในกิจการง่ายๆ
เมื่อเราทราบกันแล้วว่าทำไมจะต้องอ่านงบการเงินให้เป็นไปแล้ว ต่อมา SMEMOVE ก็อยากจะพาคุณมาเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการอ่านงบการเงินกันอีกนิด ซึ่งก็คือเทคนิคการดูงบการเงินว่างบแต่ละตัวจะแสดงอะไรให้คุณเห็นเมื่อเราทำการอ่าน
– งบแสดงฐานะทางการเงินตัวช่วยในการดูสถานะทางการเงิน
การดูงบแสดงฐานะทางการเงินสามารถดูได้จากบัญชีสินทรัพย์ หนี้สิน และจำนวนทุน เพื่อทำให้เรารู้ว่าบริษัทนั้นมีความมั่นคง และมีความแข็งแกร่งทางธุรกิจขนาดไหน
– งบกำไรขาดทุนตัวช่วยในการดูความสามารถในการทำกำไร
งบกำไรขาดทุนจะแสดงตัวเลขผลการดำเนินงานไม่ว่าจะเป็นส่วนของรายได้ ค่าใช้จ่าย และกำไร/ขาดทุน ซึ่งจะทำให้คุณทราบถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ไปจนถึงแนวโน้มการเติบโตในอนาคต
– งบกระแสเงินสดตัวช่วยในการดูสภาพคล่องของธุรกิจ
งบกระแสเงินสดจะทำให้เราทราบถึงสภาพคล่องทางการเงินได้เป็นอย่างดี เพราะเงินสดในส่วนนี้จะถูกนำมาใช้จ่ายภายในกิจการไม่ว่าจะเป็นค่าจ้าง ค่าเช่า ซื้อสินค้า ฯลฯ
– งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นตัวช่วยในการแสดงความเคลื่อนไหว
งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นจะมีหน้าที่ในการบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทุน ระหว่างต้นงวด – ปลายงวด เช่น กำไร ขาดทุน เพิ่มทุน จ่ายปันผล ซึ่งจะทำให้คุณทราบการเคลื่อนไหวของทุนที่ชัดเจน
อ่านมาถึงตรงนี้ SMEMOVE เชื่อว่าหลายคนคงจะเข้าใจกันแล้วว่าทำไมการทำบัญชี จะต้องอ่านงบการเงินให้เป็น และงบการเงินที่อ่านสามารถบอกอะไรคุณได้บ้างแล้ว หลังจากนี้คุณก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการทำบัญชีภายในกิจการของคุณให้มากยิ่งขึ้น หากยังไม่ถนัด หรือมีความเชี่ยวชาญก็อย่าลืมมองหาโปรแกรมทำบัญชีออนไลน์ดีๆ อย่างโปรแกรมบันทึกบัญชีออนไลน์ SMEMOVE ดูนะคะ
ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่
บทความบัญชี: smemove.com/blog
Facebook: Facebook.com/smemove.th
Youtube: SMEMOVE