ผ่านมาแล้วครึ่งปีก็นับว่าเป็นครึ่งทางของปีภาษี 2568 แล้วเช่นกัน ซึ่งหน้าที่ของผู้มีเงินได้ทุกคนก็ต้องไม่ลืม มาเช็กลิสต์ความพร้อม และเตรียมตัววางแผนลดหย่อนภาษีเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และ 91 ว่าแล้วก็มาดูกันเลย ว่ารายการลดหย่อนภาษี ปี 2568 ในปีนี้มีมาตรการไหนบ้าง พร้อมอัปเดตกองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ล่าสุด ที่ผู้มีเงินได้ไม่ควรพลาด!
วางแผนลดหย่อนภาษี 2568 มีแพลนดี จัดการภาษีได้ไว
การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นับว่าเป็นสิทธิที่กฎหมายอนุญาตให้ผู้เสียภาษีนำไปหักลดหย่อนกับรายได้ตลอดทั้งปี ก่อนนำไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยในปีภาษี 2568 นี้ ก็นับว่ามีการเปลี่ยนแปลงในด้านมาตรการต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือ กองทุน SSF ที่ไม่ได้มีการต่ออายุกองทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ในปีนี้ ในขณะเดียวกันทางภาครัฐก็ได้ออกมาตรการใหม่ ๆ ที่ช่วยลดภาระทางภาษีให้กับบุคคลธรรมดามาเพิ่มเช่นกัน
แน่นอนว่า การวางแผนทางภาษีเพื่อใช้สิทธิลดหย่อน จึงเป็นอีกหนึ่งในเช็กลิสต์ที่ผู้มีเงินได้ไม่ควรมองข้าม เพราะหากไปเตรียมตัวในช่วงปลายปี อาจจะมีเวลาไม่มากพอในการวางแผนลดหย่อนภาษี ก่อนยื่นภาษีหรือยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 ในช่วงต้นปี 2569 ที่กำลังจะถึงนี้
รายการลดหย่อนภาษี 2568 สำหรับบุคคลธรรมดา มีอะไรบ้าง?
สำหรับรายการลดหย่อนภาษี ปี 2568 นี้ จะเห็นได้ชัดว่ามีการเปลี่ยนแปลงมาตรการจากทางภาครัฐอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มการลงทุนในกองทุนเพื่อการเกษียณ เพราะฉะนั้น เราจะพาคุณมารีเช็กกันว่า รายการลดหย่อนภาษีในปีนี้มีมาตรการอะไรบ้าง แล้วแต่ละรายการลดหย่อนได้เท่าไหร่
1. กลุ่มค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัวและครอบครัว
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว สามารถนำไปใช้ลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท/ปี
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส ใช้สิทธิได้ 60,000 บาท แต่ต้องเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเลือกยื่นได้เพียงแค่ 1 คนเท่านั้น แต่หากคู่สมรสมีรายได้ต้องยื่นภาษีรวมกันแล้วค่อยใช้สิทธิลดหย่อน
- ค่าลดหย่อนบุตร คนละ 30,000 บาท (อายุไม่เกิน 20 ปี หากเกินต้องศึกษาในระดับ ปวส. ขึ้นไป)
- ค่าลดหย่อนฝากครรภ์หรือคลอดบุตร ใช้สิทธิได้ตามที่จ่ายจริงและต้องไม่เกิน 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนบิดาและมารดา ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ไม่เกิน 30,000 บาท/คน หากมีคู่สมรสสามารถใช้สิทธิลดหย่อนบิดาและมารดาของคู่สมรสได้เช่นกัน
- อุปการะผู้พิการหรือบุคคลทุพพลภาพ ลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท (มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท)
2. ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มประกัน
- เบี้ยประกันสุขภาพ และเบี้ยประกันอุบัติเหตุ ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตและสะสมทรัพย์ ต้องมีกรมธรรม์ที่คุ้มครองระยะเวลาเกิน 10 ปีขึ้นไป ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ ใช้สิทธิ์ได้ไม่เกิน 15,000 บาท
หมายเหตุ: ประกันสุขภาพเมื่อรวมกับประกันตัวอื่น ๆ เช่น ประกันชีวิต สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษี รวมทั้งหมดไม่เกิน 100,000 บาท
3. ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มการออมและการลงทุน
- เงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง ต้องไม่เกิน 9,000 บาท
- กองทุนลดหย่อนภาษี RMF สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ลดหย่อนได้ 10% ตามที่จ่ายจริง ต้องไม่เกิน 10,000 บาท
- กองทุนกำเหน็จบำนาญราชการ (กบข.) หรือกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ลดหย่อนได้ตามจริง ไม่เกิน 15% หรือ 300,000 บาท
- กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 30,000 บาท
- เงินลงทุนวิสาหกิจเพื่อสังคม Social Enterprise ลดหย่อนได้ตามจริง ต้องไม่เกิน 100,000
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ตามที่จ่ายจริง และไม่เกิน 200,000 บาท
- กองทุน Thai ESG หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยุ่งยืน ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 300,000 บาท
- กองทุนรวม ThaiESGX (ส่วนของเงินลงทุนใหม่) ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ หรือไม่เกิน 300,000 บาท
- กองทุนรวม Thai ESGX (สับเปลี่ยนจาก LTF) ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ หรือไม่เกิน 300,000 บาทในปีแรก
หมายเหตุ: ค่าลดหย่อนในกลุ่ม RMF, PVD, กบข., กอช. และประกันชีวิตแบบบำนาญ เมื่อรวมกันแล้วสามารถลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน หรือ 500,000 บาท
4. ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มเงินบริจาค
- เงินบริจาคทั่วไป สามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลักหักค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มอื่น ๆ
- เงินบริจาคเพื่อการศึกษา และประโยชน์สาธารณะ สามารถลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่า ของเงินที่บริจาค แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลักหักค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มอื่น ๆ
- เงินบริจาคให้กับพรรคการเมือง ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 10,000 บาท
5. ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
- ดอกเบี้ยบ้านและที่อยู่อาศัย ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
- Easy e-Receipt0ในช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าและบริการช่วงวันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 2567 ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 50,000 บาท
- โครงการสร้างบ้านและที่อยู่อาศัยใหม่ ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท (สิ้นสุดปี 2568)
- ติด Solar Rooftop ในบ้าน ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท (ได้จนถึงปี 2570)
เตรียมตัวลดหย่อนภาษีปี 2568 ให้พร้อม ด้วยกองทุน Thai ESG
จากรายการลดหย่อนภาษีดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้เลยว่า มีรายการลดหย่อนภาษีที่บางรายการก็หมดเขตไปแล้ว แต่ในบางรายการก็ยังคงสามารถวางแผนลดหย่อนภาษีได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี ปี 2568 โดยเฉพาะกองทุน Thai ESG ที่สามารถลดหย่อนได้สูงถึง 30% ของเงินได้พึงประเมิน หรือไม่เกิน 300,000 บาท
ในขณะที่กลุ่มกองทุน Thai ESGX มีเงื่อนไขในการลงทุนคือ ต้องลงทุนในระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น จึงอาจทำให้ไม่สามารถซื้อกองทุนเพิ่มเพื่อนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มกองทุน RMF และกลุ่มประกัน ที่ยังสามารถลงทุนหรือซื้อประกัน เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้จนถึงปลายเดือนธันวาคม
สรุป
แน่นอนว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ผู้มีเงินได้หลาย ๆ คน ก็น่าจะเห็นรายได้ของตัวเองแบบคร่าว ๆ แล้วว่า มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนจำนวนเท่าไหร่ และมีค่าลดหย่อนในปัจจุบันอยู่ที่เท่าไหร่บ้าง เพราะฉะนั้น อย่าลืมลองเอารายได้ทั้งหมดที่มี ทั้งจากการทำงานประจำ ฟรีแลนซ์ ทำนายหน้าออนไลน์ ขายของ ฯลฯ ไปคำนวณ ด้วยการหักลบกับค่าลดหย่อนและค่าใช้จ่าย เพื่อดูว่าฐานภาษีอยู่ที่เท่าไหร่ หากต้องการลดหย่อนภาษีเพิ่มจะต้องบริหารและจัดการภาษีอย่างไร ก่อนยื่นแบบออนไลน์ในปี 2569 ที่กำลังจะถึงนี้
ทดลองใช้ฟรีได้ที่ : SMEMOVE
คู่มือการใช้งาน : HELP
ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่
บทความบัญชี: smemove.com/blog
Facebook: Facebook.com/smemove.th
Youtube: SMEMOVE