หนึ่งในภาษีที่เจ้าของกิจการต้องรู้ ก็คงจะหนีไม่พ้น “ภาษีป้าย” ซึ่งเป็นหนึ่งในภาษีที่ผู้ประกอบการที่มีหน้าร้านและการทำป้ายโฆษณาต้องชำระทุกคน เพราะฉะนั้น มาทำความรู้จักกับภาษีป้ายให้ลึกมากขึ้น พร้อมอัปเดตอัตราภาษี และการคำนวณภาษีป้าย ปี 2568 ว่าคิดยังไง ทำป้ายแต่ละแบบมีภาษีเท่าไหร่บ้าง?
ภาษีป้าย คืออะไร?
ภาษีป้าย คือ ภาษีที่ทางร้านค้าหรือสถานประกอบการได้ชำระให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตที่อยู่นั้น ๆ โดยการชำระภาษีป้ายจะต้องดำเนินการชำระเมื่อธุรกิจหรือร้านค้ามีการติดตั้งป้าย ข้อความ หรือรูปภาพ เพื่อแสดงชื่อกิจการของตนเอง เพื่อนำไปสู่การแสวงหารายได้หรือการโฆษณาที่เกี่ยวข้อง โดยการชำระภาษีป้ายจะครอบคลุมตั้งแต่การติดตั้งป้ายไว้ที่ร้าน อาคาร บิลบอร์ด หรือป้ายไฟโฆษณาตามจุดต่าง ๆ
ภาษีป้าย คือภาษีทางธุรกิจที่ชำระให้กับทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ใช่การชำระให้กับทางกรมสรรพากรเหมือนกับภาษีธุรกิจชนิดอื่น ๆ
การเสียภาษีป้ายสำหรับผู้ประกอบการ
สำหรับกำหนดชำระภาษีป้ายจะต้องดำเนินการชำระทุกปีตามระยะเวลาที่เปิดกิจการ หรือมีการติดตั้งป้ายโฆษณา ซึ่งหากติดตั้งครั้งแรกต้องชำระภาษีภายใน 15 วัน นับจากวันที่ติดตั้งป้าย และในปีถัด ๆ ไป จะต้องเสียภาษีป้ายในช่วงวันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม ของทุกปี
ประเภทของป้ายโฆษณา พร้อมอัตราภาษีป้าย ปี 2568
สำหรับป้ายโฆษณาที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มป้ายที่ต้องเสียภาษีป้าย จะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
ป้ายประเภทที่ 1
- ข้อสังเกต : เป็นป้ายที่มีตัวอักษรไทยล้วน ไม่มีอักษรภาษาต่างประเทศอยู่บนป้าย
- หากเป็นภาพนิ่ง มีอัตราภาษีอยู่ที่ 5 บาท / 500 ตร.ซม.
- หากเป็นภาพเคลื่อนไหว หรือมีการเคลื่อนที่ มีอัตราภาษีอยู่ที่ 10 บาท / 500 ตร.ซม.
ป้ายประเภทที่ 2
- ข้อสังเกต : มีตัวอักษรไทยปนกับตัวอักษรภาษาต่างประเทศ โดยรวมถึงตัวเลขอารบิก
- หากเป็นภาพนิ่ง มีอัตราภาษีอยู่ที่ 26 บาท / 500 ตร.ซม.
- หากเป็นภาพเคลื่อนไหว หรือมีการเคลื่อนที่ มีอัตราภาษีอยู่ที่ 52 บาท / 500 ตร.ซม.
ป้ายประเภทที่ 3
- ข้อสังเกต : ป้ายจะไม่มีตัวอักษรภาษาไทยเลย (หรือมีแต่ตัวเล็ก) เป็นป้ายที่ใช้ตัวอักษรภาษาต่างประเทศเป็นหลัก
- หากเป็นภาพนิ่ง มีอัตราภาษีอยู่ที่ 50 บาท / 500 ตร.ซม.
- หากเป็นภาพเคลื่อนไหว หรือมีการเคลื่อนที่ มีอัตราภาษีอยู่ที่ 52 บาท / 500 ตร.ซม.
วิธีคำนวณภาษีป้ายแบบง่าย ๆ
สำหรับการคำนวณภาษีป้ายแบบง่าย ๆ จะต้องนำ พื้นที่ป้าย กว้าง x ยาว (ซม.) / 500 หลังจากนั้นให้นำไปคูณกับอัตราภาษีป้ายตามประเภทของป้ายที่ติด เช่น หากป้ายมีความกว้าง 510 ซม. ยาว 240 ซม. เปิดร้านค้าที่ใช้ชื่อร้านว่า “ถูก.คุ้ม Shop” จะถือว่าเป็นป้ายประเภทที่ 2 เพราะมีตัวอักษรภาษาไทยและตัวเลขอารบิก โดยจะต้องคำนวณภาษีป้ายดังนี้
- 510 x 240 = 122,400
- 122,400 / 500 =8
- หากเป็นภาพนิ่ง จะต้องชำระภาษี 244.8 x 26 = 6,364.80 บาท
- หากเป็นภาพเคลื่อนไหว จะต้องชำระภาษี 244.8 x 52 = 12,729.60 บาท
ไม่ยื่นภาษีป้ายในระยะเวลาที่กำหนด ต้องเสียเงินเพิ่ม!
นอกจากการชำระภาษีป้ายตามกำหนดแล้ว ยังมีประเด็นของการชำระเงินเพิ่มด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นการชำระเงินเพิ่มในกรณีที่ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายในเวลาที่กำหนด โดยต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 ของจำนวนที่ต้องเสียภาษีป้าย เว้นแต่เจ้าของป้ายได้ยื่นแบบก่อนที่พนักงานเจ้าหน้าที่
ทำป้ายแบบไหนไม่ต้องเสียภาษี?
สำหรับการทำป้ายไม่จำเป็นต้องชำระภาษีเสมอไป เพราะยังมีป้ายหลายชนิดที่ไม่ต้องเสียภาษีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
- ป้ายที่แสดงไว้ ณ โรงมหรสพ และบริเวณของโรงมหรสพ เพื่อโฆษณามหรสพ
- ป้ายที่แสดงสินค้า สิ่งห่อหุ้ม หรือบรรจุสินค้า
- ป้ายที่แสดงไว้ในบริเวณงานที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว
- ป้ายที่แสดงไว้ที่คนหรือสัตว์ เช่น ป้ายตามสวนสัตว์
- ป้ายที่แสดงไว้ในอาคารที่ประกอบการค้า หรือประกอบกิจการอื่นที่เป็นที่รโหฐาน
- ป้ายของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค หรือราชการส่วนท้องถิ่น
- ป้ายขององค์การที่จัดขึ้น ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลหรือตามกฎหมาย
- ป้ายของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รวมถึงธนาคารเพื่อการสหกรณ์
- ป้ายของโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน รวมถึงสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
- ป้ายของผู้ประกอบการการเกษตร ซึ่งค้าผลผลิตจากการเกษตรของตน
- ป้ายของวัด หรือผู้ดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่ศาสนา
- ป้ายของสมาคมหรือมูลนิธิ
- ป้ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
- ป้ายที่ติดหรือแสดงไว้ที่รถยนต์ส่วนบุคคล รวมถึงรถจักรยานยนต์ และรถแทรกเตอร์
- ป้ายที่ติดตั้งไว้ที่ยานพาหนะ ที่มีพื้นที่ไม่เกิน 500 ตร.ซม.
เอกสารที่ใช้ประกอบการยื่นชำระภาษีป้าย
- ใบอนุญาตติดตั้งป้าย หรือใบเสร็จรับเงินค่าทำป้าย
- รูปป้าย พร้อมกับขนาดป้ายที่ติดตั้ง
- สำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประจำตัวประชาชน
- หากเจ้าของป้ายเป็นนิติบุคคล ต้องใช้เอกสารรับรองนิติบุคคล และเอกสารการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- หนังสือมอบอำนาจ ในกรณีที่เจ้าของกิจการไม่สามารถไปดำเนินการได้ด้วยตัวเอง
จัดการทุกภาษีธุรกิจแบบง่าย ๆ ด้วยโปรแกรมบัญชี SMEMOVE
สำหรับการประกอบกิจการทุกรูปแบบ นับว่ามีภาษีและเอกสารทางธุรกิจให้ดำเนินการหลายส่วน โดยเฉพาะธุรกิจที่ร้านค้าหรือสถานประกอบการ ที่ต้องจัดทำป้ายโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์ในการดำเนินกิจการ ที่ต้องมีการชำระ “ภาษีป้าย” ในทุก ๆ ปี ยังไม่นับรวมกับภาษีตัวอื่น ๆ ที่ต้องยื่นแก่กรมสรรพากรตามปฏิทินภาษีอากร และหากเจ้าของธุรกิจต้องการจัดการภาษีให้รวดเร็วทันใจ เพียงใช้โปรแกรมบัญชี SMEMOVE ก็สามารถจัดการภาษีและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ครบวงจรด้วยโปรแกรมเดียว
ทดลองใช้ฟรีได้ที่ : SMEMOVE
คู่มือการใช้งาน : HELP
ติดตามบทความอื่นๆของ SMEMOVE.com ได้ที่
บทความบัญชี: smemove.com/blog
Facebook: Facebook.com/smemove.th
Youtube: SMEMOVE